การประชุมเรื่องสภาพภูมิอากาศ ณ กรุงโคเปนเฮเก้น จะมีขึ้นในเดือนธันวาคม ปีนี้ แต่เจ้าหน้าที่กำลังประชุมเพื่อกำหนดรายละเอียดของข้อตกลงฉบับหนึ่งกันอยู่ ณ กรุงลอนดอน ในขณะที่ความเห็นโดยรวมมีว่า จะต้องบรรลุข้อตกลงกันให้ได้ ณ กรุงโคเปนเฮเก้น แต่ปัญหาท้าทายที่เป็นอุปสรรคต่อการบรรลุข้อตกลงนั้น มีอยู่มากมายหลายประการ
อังกฤษเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ของประเทศที่ทรงความสำคัญทางเศรษฐกิจ 17 ประเทศมาร่วม การประชุมเพ่งไปที่เรื่องการลดการขัดแย้ง เกี่ยวกับวิธีขบแก้เรื่องการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศก่อนที่จะมีการประชุมกัน ณ กรุงโคเปนเฮเก้นในเดือนธันวาคมนี้
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และสภาพภูมิอากาศของอังกฤษ เอ็ด มิลิบานด์ กล่าวไว้ตอนนี้ว่า "ทัศนะโดยทั่วไปก็คือว่า เราจะต้องทำข้อตกลงกันให้ได้ ณ กรุงโคเปนเฮเก้น แต่ไม่ใช่ข้อตกลงแบบเสียเท่าไหร่ก็ยอม แต่เราดำเนินการก้าวหน้ามาไกลทีเดียว และเราจะต้องเอาความก้าวหน้านั้นมาผันให้เป็นข้อตกลงขึ้นมาในเดือนธันวาคม ปีนี้"
ท่านรัฐมนตรีกล่าวว่า การประชุมในสัปดาห์นี้ ทำให้ตนเองรู้สึกเกิดกำลังใจ และผู้ที่เข้าร่วมเห็นพ้องกันโดยทั่วๆ ไปว่าจะต้องตัดสินใจที่ยากเย็นกันให้ได้ ณ กรุงโคเปนเฮเก้นในเดือนธันวาคมนี้ เขากล่าวด้วยว่าเรื่องนั้นยังจะต้องพูดจากันต่อไปอีกนาน
ข้อตกลงที่ว่านี้สลับซับซ้อน ชาติกำลังพัฒนาวิตกกังวลว่า เรื่องค่าใช้จ่ายสำหรับการเปลี่ยนแปลงและการลดปริมาณก๊าซคาร์บอนที่ปล่อยออกมา จะเป็นอุปสรรคขัดขวางการเจริญเติบโตของตนหรือไม่? ส่วนประเทศที่เจริญแล้ว ไม่ต้องการทำให้เศรษฐกิจของตนชะลอตัวลง อีกทั้งไม่ต้องการทำให้พลเมืองของประเทศเปลี่ยนลีลาชีวิต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และสภาพภูมิอากาศอังกฤษ เอ็ด มิลิบานด์กล่าวว่า จะต้องนำเรื่องที่แต่ละฝ่ายเป็นห่วงกังวลกันนี้มาถกอภิปรายกัน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเดนมาร์ก เปอร์ สตีค เมิลเลอร์ ซึ่งไปร่วมการประชุมที่กรุงลอนดอนด้วยกล่าวว่าสหภาพยุโรปจะต้องเป็นแกนนำ ในด้านการให้เงินทุน ความท้าทายที่ใหญ่มากเรื่องหนึ่งได้แก่การหาเงินทุน ซึ่งจะช่วยประเทศกำลังพัฒนาในเรื่องการเปลี่ยนแปลงที่จำเป็นต่อการลดปริมาณของก๊าซคาร์บอนที่ปล่อยออกมา เขากล่าวว่าถ้าไม่มีเงินทุนสำหรับใช้ในการถ่ายโอนเทคโลยีและการปรับเปลี่ยนดัดแปลงแล้ว โลกส่วนที่กำลังพัฒนาจะไม่ยอมทำความตกลงที่กรุงโคเปนเฮเก้นแน่ๆ เขากล่าวด้วยว่าสหรัฐเองก็เปลี่ยนแปลงด้วยเช่นกัน เขากล่าวด้วยว่าสหรัฐและประธานาธิบดี โอบามาตระหนักดีในเรื่องนั้น และอยากให้มีการดำเนินงานกันอย่างรวดเร็ว แต่ทว่าสถานการณ์ด้านการเมืองภายในสหรัฐทำให้การดำเนินงานแบบนั้นทำไม่ได้ง่ายๆ เขาคิดว่าสหรัฐจะแสดงความเป็นผู้นำทันที ที่บรรลุข้อตกลงกันได้แล้ว
ทางสหรัฐนั้น วุฒิสภายังมิได้อนุมัติร่างกฎหมาย เกี่ยวกับการลดปริมาณก๊าซคาร์บอนที่ปล่อยออกมานั้นลง 20 เปอร์เซ็นต์ภายในช่วงสิบปี แต่ผู้แทนด้านสภาพภูมิอากาศของสหรัฐ ทอดด์ สเติร์น กล่าวว่าเนื้อหาสาระของร่างกฎหมายฉบับนั้นแสดงให้เห็นว่าสหรัฐ ยึดมั่นผูกพันอยู่กับเรื่องที่ว่านั้น
ชาติกำลังพัฒนาอย่างเช่นจีน และอินเดียยังมิได้กำหนดแผนการของตน เกี่ยวกับการลดปริมาณก๊าซคาร์บอนที่ปล่อยออกมานั้นไว้อย่างชัดเจน ทั้งสองประเทศบ่งชี้ว่าตนตั้งใจจะทำเช่นนั้น ผู้แทนด้านสภาพภูมิอากาศของสหรัฐ ทอดด์ สเติร์นกล่าวว่า ชาติต่างๆ อาจทำสิ่งที่ผิดแผกแตกต่างกัน แต่ข้อที่สำคัญนั้นอยู่ที่การกระทำ
ขณะที่เหลือเวลาอีกไม่ถึง 50 วัน ยังคงมีเรื่องที่จะต้องตกลงกันให้ได้ ในรายละเอียดอีกมากมายทีเดียวก่อนที่จะมีข้อตกลงที่กรุงโคเปนเฮเก้น ซึ่งทำให้ทุกฝ่ายปฏิบัติตามได้
