ตอนนี้การหาเสียงในอินโดนีเซียยุติลงอย่างเป็นทางการแล้ว บรรดาผู้สมัครรับเลือกตั้งตำแหน่งประธานาธิบดี จึงพากันหันมาเอาใจใส่เรื่องการฉ้อโกงเกี่ยวกับผู้มีสิทธิ์ออกเสียง มีการร้องเรียนต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งกันอย่างมากมาย เกี่ยวกับเรื่องชื่อที่ซ้ำกันบ้าง เรื่องการมีชื่อบุคคลที่เสียชีวิตไปแล้ว และชื่อพวกเด็กๆ ปรากฎอยู่ในรายชื่อผู้มีสิทธิ์ออกเสียงบ้าง นับตั้งแต่มีการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาเมื่อเดือนเมษายนเป็นต้นมา
ผู้คนมาชุมนุมประท้วงที่สำนักงาน ของคณะกรรมการการเลือกตั้งกันเป็นประจำนับตั้งแต่มีการเปิดเผยออกมาว่า มีการฉ้อโกงเกี่ยวกับเรื่องผู้มีสิทธิ์ออกเสียงกันอย่างมโหฬาร ก่อนถึงช่วงที่มีการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาเมื่อเดือนเมษายน เนื่องจากช่วงการหาเสียงต่อประชาชนยุติลงอย่างเป็นทางการแล้ว ผู้สมัครรับเลือกตั้งตำแหน่งประธานาธิบดีอินโดนีเซีย อย่างเช่นนางเมกะวาตี สุการ์โนปุตรีและรองประธานาธิบดีจูเซฟ กาลลาจึงมาร่วมการประท้วงที่สำนักงานของคณะกรรมการการเลือกตั้งแห่งชาติ ณ กรุงจาการ์ตาในวันจันทร์ สองวันก่อนที่จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีอินโดนีเซีย
บรรดาผู้ที่มาประท้วง ยังไม่ถึงขั้นเรียกร้องให้เลื่อนการเลือกตั้งออกไป แต่ยืนกรานให้มีการแก้ไขบัญชีรายชื่อ และอนุญาติให้ผู้ที่มิได้มาลงทะเบียนออกเสียงเลือกตั้งได้โดยใช้แค่บัตรประจำตัวประชาชนของตนมาแสดง ไม่ใช่แต่กองหาเสียงของนางเมกะวาตี และของรองประธานาธิบดีกาลลาเท่านั้นที่ร้องเรียน แต่กลุ่มสมาคมพลเรือนต่างๆ และบรรดาผู้นำขององการอิสลามก็ร้องเรียนโดยกล่าวหาว่าคณะกรรมการการเลือกตั้งไม่นำพา ต่อคำร้องเรียนเหล่านั้น
ชื่อของคนที่เสียชีวิตไปล้ว ชื่อของพวกเด็กๆ และชื่อซ้ำๆ กันนับล้านๆ ชื่อปรากฎอยู่ในบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งของทางการ นอกจากนี้ยังมีความห่วงใยกันด้วยว่าประชาชนผู้ที่มิได้ลงทะเบียนหรืออาศัยอยู่นอกเขตเลือกตั้ง ที่ตนมีภูมิลำเนานั้นจะโดนตัดสิทธิ์ที่จะออกเสียงเลือกตั้งด้วย
นักวิเคราะห์ทางการเมือง ซันนี่ ตานูวิดจาจาแห่งศูนย์ยุทธศาสตร์ และวิเทศคดีศึกษา ณ กรุงจาการ์ตากล่าวไว้ตอนนี้ว่า "ผมคิดว่าแก่นแท้ของประชาธิปไตย กำลังเปิดโอกาสให้แก่บุคคลที่จะเป็นผู้นำของอินโดนีเซียในช่วง 5 ปีข้างหน้านี้"
คณะกรรมการการเลือกตั้งบอกว่า กำลังแก้ไขปัญหาและว่าการกล่าวว่า ยังมีความผิดพลาดนับล้านๆแห่งในบัญชีรายชื่อนั้นไม่เป็นความจริง
นายอับดุล ฮาฟิซ แอนชารี ประธานของคณะกรรมการการเลือกตั้ง กล่าวหลังจากเสร็จการประชุมในวันจันทร์ว่าคณะกรรมการการเลือกตั้ง กำลังรอฟังคำวินิจฉัยของศาล
รัฐธรรมนูญเกี่ยวกับเรื่องที่ว่า ผู้ที่ไม่ได้ลงทะเบียนควรจะออกเสียงเลือกตั้ง ได้โดยมีแค่บัตรประจำตัวประชาชนของตนมาแสดงก็พอ
อีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมา ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า คนจะมาออกเสียงเลือกตั้งได้ถ้านำบัตรประจำตัวประชาชนที่ยังไม่ขาดอายุของตนมาแสดง แต่ศาลตั้งเงื่อนไขไว้ว่า ผู้ที่ตั้งใจจะนำบัตรประจำตัวประชาชนมาแสดง เพื่อออกเสียงเลือกตั้งนั้นจะต้องไปลงทะเบียนไว้ กับคณะกรรมการการเลือกตั้งของท้องที่ที่ตนอาศัยอยู่ และจะออกเสียงได้ในชั่วโมงสุดท้ายของการออกเสียงเลือกตั้ง
คำวินิจฉัยข้างต้นอาจทำให้บางคนรู้สึกโล่งใจ แต่นักวิเคราะห์ทางการเมืองอย่างเช่นคุณ ซันนี่ ตานูวิดจาจาเตือนว่าเวลาสำหรับการแพร่ข่าว เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายที่ว่านี้ มีอยู่แค่สองวันและผู้มีสิทธิ์ออกเสียงบางส่วน อาจผิดหวังถ้าพวกเขาพลาดข่าวดังกล่าว
ปัญหาเกี่ยวกับเรื่องบัญชีรายชื่อของผู้มีสิทธิ์ออกเสียงนี้ ไม่น่าจะกระทบกระเทือนต่อผลของการเลือกตั้งประนาธิบดีอินโดนีเซียครั้งนี้ เมื่อดูจากผลของการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนครั้งล่าสุด ประธานาธิบดีอินโดนีเซียคนปัจจุบัน สุสิโล บัมบัง ยุทโธโยโนได้คะแนนนิยมนำ และคงจะชะนะการเลือกตั้ง เนื่องจากการที่ประชาชนนิยมตัวเขา อันเป็นผลจากการที่เขาประสพความสำเร็จในด้านจัดการภาคเศรษฐกิจ ซึ่งทำให้เศรษฐกิจของอินอินโดนีเซีย ขยายตัวอย่างต่อเนื่องนั่นเอง