เวลาเราไปเที่ยวที่ประเทศไหน ขากลับเราก็มักจะซื้อของที่ระลึกมาฝากคนทางบ้าน แต่ในระยะไม่กี่ปีมานี้ ผู้เดินทางมักจะนำตัวเรือด กลับมากับกระเป๋าเดินทางของตนด้วย ข่าวเกี่ยวกับการที่ตัวเรือดสร้างความรำคาญให้นี้ได้ยินกันหนาหูขึ้นเรื่อยๆ
ตัวเรือดเป็นเพื่อนร่วมเตียงที่ทำให้เราหลับไม่สบาย เพราะตัวเรือดจะคอยดูดเลือดเราก็ตอนที่เราหลับนี่แหละ
ผลของการวิจัยศึกษาบางฉบับระบุว่า การที่พลโลกอพยพย้ายถิ่นฐาน และเดินทางไปต่างประเทศมากขึ้นนี้ ยังผลให้ตัวเรือดในสหรัฐ และตามประเทศอื่นๆ ชุกชุมขึ้นมากกว่าเก่าอาจถึง 500 เปอร์เซ็นต์
นักกีฏวิทยา เจอโรม กอดดาร์ดแห่งมหาวิทยาลัยมิสสิสสิปปี เสตตกล่าวไว้ตอนนี้ว่า" ตัวเรือดติดมากับกระเป๋าเดินทาง หรือข้าวของของคนเรา และเริ่มอาศัยอยู่ ณ ที่แห่งนั้น โดยไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ว่าเรารักษาความสะอาดมากแค่ไหน บางแห่งที่ผมไปตรวจสอบดูนั้นเป็นโรงแรมขนาดห้าดาวก็มี "
ประเทศจำนวนหนึ่งใช้ยาฆ่าแมลง อย่างเช่นดีดีทีกำจัดตัวเรือดจนเกือบหมดสิ้นไป แต่หลังจากมีการยกเรื่องอันตรายที่ดีดีที มีต่อภาวะสิ่งแวดล้อมและสุขภาพมาพูดกันแล้ว วิธีการควบคุมแมลงที่รบกวนความสุขของคนเรา จึงมีประสิทธิภาพน้อยลง และตัวเรือดก็กลับมารบกวนคนเราอีก
ในตอนกลางวันเราไม่ค่อยเห็นตัวเรือด เพราะตัวเรือดจะแอบซ่อนอยู่ พอตัวเรือดออกมาในตอนกลางคืน ตัวเรือดจะปล่อยสาร ซึ่งทำให้เลือดไม่จับตัวเป็นลิ่ม ซึ่งทำให้เลือดของคนเราไหลสะดวกต่อไป และยังเป็นเสมือนยาชาที่ทำให้เราไม่รู้สึกตอนถูกกัดอีกด้วย
นายแพทย์ ริชาร์ด เดอ ชาโซที่ศูนย์การแพทย์แห่งมหาวิทยาลัยมิสสิสสิปปีกล่าวว่า ตอนนี้ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพยังไม่แน่ใจว่า ตัวเรือดเป็นพิษเป็นภัยต่อมนุษย์เราหรือไม่ และจะทำอย่างไรต่อพวกตัวเรือดเหล่านี้ดี?
รายงานการวิจัยศึกษาข้างต้นนี้ตีพิมพ์อยู่ในวารสารของแพทยสมาคมแห่งอเมริกา