สาหร่ายกำลังได้รับความสนใจ และการลงทุนให้เป็นแหล่งพลังงานทางเลือก เนื่องจากเติบโตแพร่พันธุ์เร็ว มีส่วนประกอบที่เป็นน้ำมันมาก และไม่ต้องใช้พื้นดินเพื่อเพาะปลูก
บริษัทบลู มาร์เบิล เอนเนอร์จี ที่นครซีแอตเทิลในรัฐวอชิงตันพยายามนำสาหร่ายมาทำเป็นเชื้อเพลิง โดยใช้สาหร่ายที่แพร่พันธุ์ขยายตัวอย่างรวดเร็วซึ่งสร้างปัญหามลภาวะอยู่บริเวณชายฝั่งของหาดดูมาส เบย์ ในเวลานี้
สาหร่ายที่ขึ้นอยู่อย่างหนาแน่นนี้มีชื่อเรียกว่า อุลว่า หรือ “กะหล่ำทะเล” เมื่อมีมากขึ้น ก็มักจะเน่าเสียอยู่ในน้ำ ทำให้น้ำขาดออกซิเจนและสัตว์น้ำตาย กะหล่ำทะเลที่ตายเมื่อถูกคลื่นพัดเข้าฝั่ง ก็จะส่งกลิ่นเหม็นรบกวนผู้ที่อยู่อาศัยในบริเวณนั้น
คุณเคลลี โอกิลวี ประธานบริษัทบลู มาร์เบิล กล่าวว่า สาหร่ายเหล่านี้โตและขยายตัวออกไปรวดเร็วและพบอยู่ทั่วไปบริเวณเวิ้งน้ำ Puget Sound แต่ที่นี่ก็ยังสร้างปัญหามลภาวะทางน้ำน้อยกว่าที่อื่นๆ ในโลก
คุณเคลลี โอกิลวี กล่าวว่า ตัวอย่างที่เด่นชัดที่สุดเมื่อไม่นานมานี้ คือที่เมืองชิงเต่าในจีน มีสาหร่ายแพร่พันธุ์ขยายตัวออกไปในทะเลสาปเป็นบริเวณราว 800 ตารางไมล์ เจ้าหน้าที่ขนขึ้นจากน้ำเป็นน้ำหนัก 1 ล้านตัน นี่คือตัวอย่างของสิ่งที่เริ่มจะเกิดขึ้นกับชายฝั่งทะเลทั่วโลก
น้ำที่มีอุณหภูมิสูงขึ้น เป็นสาเหตุที่ทำให้สาหร่ายเติบโตแพร่พันธุ์ออกไปอย่างรวดเร็ว นักวิทยาศาสตร์บางคนเชื่อว่า สภาพภูมิอากาศโลกที่ร้อนขึ้นทำให้สาหร่ายแพร่ขยายออกไปใหญ่โต นอกจากนี้สิ่งปฏิกูล และปุ๋ยที่ไหลแทรกซึมออกสู่ทะเลยังเป็นอาหารหล่อเลี้ยงสาหร่ายพวกนี้ให้งอกงามด้วย
บริษัทส่วนใหญ่ที่ทำการวิจัยพลังงานจากสาหร่าย จะเน้นไปที่การสร้างเชื้อเพลิงชีวภาพสำหรับรถยนต์หรือเครื่องบินไอพ่น แต่สำหรับบริษัทบลู มาร์เบิล ต้องการเปลี่ยนสาหร่ายให้เป็นก๊าซธรรมชาติ และชีวเคมี แทนการทำเป็นเชื้อเพลิงเหลว บริษัทแห่งนี้ ทำสัญญากับทบวงสิ่งแวดล้อมของรัฐวอชิงตัน ที่จะเก็บกะหล่ำทะเลในหาดสองแห่งที่บริเวณ Puget Sound
เจ้าหน้าที่ของทบวงสิ่งแวดล้อมของรัฐวอชิงตันหวังว่า จะสามารถกำจัดกลิ่นเหม็นเหมือนไข่เน่าที่ชาวบ้านร้องเรียนให้หมดไป โดยไม่ทำลายระบบนิเวศน์และสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ใกล้ฝั่ง
คุณอลิซ เคลลี กล่าวว่า การคุ้มครองสภาพแวดล้อมเป็นเรื่องสำคัญ การแก้ปัญหาเรื่องกลิ่น และคุ้มครองสิ่งแวดล้อมใกล้ฝั่งไปด้วยไม่ใช่เรื่องง่าย บริษัทบลู มาร์เบิล จัดการเรื่องนี้โดยออกไปดำเนินการอยู่นอกชายฝั่ง ไม่มีอุปกรณ์ที่จะทำให้บนชายหาดเสียหาย แต่สำหรับนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมบางคน รู้สึกวิตกต่อการเก็บสาหร่ายเหล่านี้มาทำเป็นเชื้อเพลิง และอาจป้องกันการแพร่ขยายของสาหร่ายอย่างผิดธรรมชาติ โดยการไม่ให้ปุ๋ยและสารเคมีที่ก่อมลพิษต่างๆ รั่วไหลสู่แหล่งน้ำ
สาหร่ายที่เติบโตตามธรรมชาติ มีคุณค่าต่อระบบห่วงโซ่โยงใยของอาหาร การกำจัดให้หมดไป ก็เหมือนการขโมยแหล่งอาหารสำคัญของสิ่งมีชีวิตในทะเล นักวิจัยกล่าวว่าเป็นเรื่องยาก ที่จะแยกแยะระหว่างการเติบโตตามธรรมชาติของสาหร่าย กับการเติบโตที่มีสาเหตุมาจากกิจกรรมต่างๆ ของมนุษย์
แต่สำหรับบริษัทบลู มาร์เบิล เก็บสาหร่ายได้แล้วเกือบ 4.000 กิโลกรัม ขั้นตอนต่อไปคือใช้แบคทีเรียย่อยสลายสาหร่าย ให้เป็นก๊าซธรรมชาติ และสารเคมีชนิดต่างๆ ถ้าทุกอย่างดำเนินไปตามแผน บริษัทบลู มาร์เบิลก็พร้อมจะนำก๊าซธรรมชาติจากสาหร่ายรุ่นแรกออกใช้ได้ในเร็วๆ นี้