รมต.ว่าการกระทรวงการต่างประเทศปากีสถานย้ำว่า อากีสถานจะช่วยเหลือในการสอบสวนเหตุการณ์รุนแรงในอินเดีย และขอให้อินเดียลดความตึงเครียดระหว่างประเทศทั้งสอง ขณะที่อินเดียกล่าวหาว่าผู้ก่อการร้ายที่อยู่เบื้องหลังการโจมตีในอินเดียนั้น มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มแนวแข็งกร้าวในปากีสถาน
นายชิพราช ปาติล รมต.ว่าการกระทรวงมหาดไทยอินเดีย ผู้ซึ่งก่อนหน้านี้ โดนพรรคฝ่ายค้านโจมตีว่า ปฏิบัติหน้าที่ในด้านการรักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ ไม่สมกับที่เป็น รมต.ว่าการกระทรวงมหาดไทยนั้น ลาออกเป็นรายแรก อันเป็นผลสะท้อนที่เกิดตามมา หลังจากการโจมตีของผู้ก่อการร้าย อย่างที่ไม่เคยมีเกิดขึ้นมาก่อน ต่อนคนมุมบัย อันเป็นศูนย์กลางทางการพาณิชย์ของอินเดีย
นายพาลา นิอับปาล ชิดัมบะรัม รมต.ว่าการกระทรวงการคลังอินเดีย ซึ่งมีผู้คนเคารพนับถือ จะไปดำรงตำแหน่ง รมต.ว่าการกระทรวงมหาดไทยอินเดีย ส่วนนายก รมต.มาน โมฮานซิงห์ ผู้เคยเป็นรมต.ว่าการกระทรวงการคลังอินเดียมา 5 ปี จะควบตำแหน่งนั้นอีกตำแหน่งหนึ่ง
รมต.ว่าการกระทรวงมหาดไทยอินเดียลาออก ขณะที่นายก รมต.มาน โมฮานซิงห์ ประชุมพรรคการเมืองทุกพรรคเมื่อตอนเย็นวันอาทิตย์ เพื่อรับทราบความคิดเห็นโดยรวม เกี่ยวกับการดำเนินงานต่อต้านการก่อการร้ายอย่างกว้างขวาง
นายก รมต.อินเดียกล่าวว่า ในยามที่ชาติต้องเผชิญกับภัยคุกคามที่ว่านี้ และผลที่เกิดตามมาจากโศกนาฏกรรมของชาติครั้งนี้ พรรคการเมืองทุกพรรคจะต้องไม่มองเรื่องทางการเมืองในวงแคบๆ และจะต้องยืนหยัดสมานสามัคคีกัน นายก รมต.อินเดียยังประกาศให้ทราบด้วยว่า มีการตั้งการสอบสวนของรัฐบาลสหพันธ์องค์การใหม่ เร่งรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางอากาศ และทางด้านการเดินเรือสมุทร และเพิ่มความสนับสนุนหน่วยพิทักษ์ความมั่นคงปลอดภัยแห่งชาติ อันเป็นหน่วยต่อต้านการก่อการร้ายอันดับแรกของอินเดีย
บรรดาผู้นำอินเดียโทษกลุ่มชาวอิสลามในปากีสถาน ว่าเป็นผู้วางแผนโจมตีนครมุมบัย แบบมีการประสานงานกันอย่างดีในสัปดาห์นี้ ปากีสถานประณามการโจมตีข้างต้นว่า เป็นการกระทำแบบป่าเถื่อน และปฏิเสธคำกล่าวหาของอินเดีย
รมต.ว่าการกระทรวงการ ตปท.ปากีสถานชาห์ เมหมุด คุเรชี กล่าวเร่งเร้าหลังจากเสร็จการประชุม คณะรมต.นักฉุกเฉิน ณ กรุงอิสลามาบัดเมื่อวันเสาร์ ให้อินเดียหาหลักฐานมายืนยัน ก่อนที่จะชี้นิ้วมาที่ปากีสถาน และยอมรับว่าการโจมตีที่นครมุมบัย ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศนี้ตึงเครียด
รมต.ว่าการกระทรวงการ ตปท.ปากีสถานกล่าวว่าขอให้เราอย่าหลอกตัวเอง สถานการณ์เครียดเคร่งเมื่อคนในอินเดียรู้สึกว่า นี่คือเหตุการณ์แบบเดียวกับเมื่อวันที่ 11 กันยายนสำหรับอินเดีย เขาคิดว่าการปลดชนวนสถานการณ์ สอดคล้องกับผลประโยชน์ของปากีสถานและของอินเดีย การผ่อนคลายความตึงเครียดเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งยวด บุคลากรในบริการข่าวกรองระหว่างประเทศของปากีสถาน โดนกล่าวหาว่ามีความเกี่ยวโยงกับกลุ่มหัวรุนแรงสุดกู่ ผู้ต้องสงสัยว่าเป็นผู้ทำการโจมตีที่นครมุมบัย
บรรดาผู้นำปากีสถานลั่นวาจาว่าจะร่วมมือกับอินเดีย ในการต่อสู้กับการก่อการร้าย และหาตัวผู้ที่อยู่เบื้อหลังการโจมตีที่นครมุมบัย แต่ในวันเสาร์นายก รมต.ปากีสถานยูซาฟ ราซา กิลยานี ถอนคำมั่นที่ว่าจะส่งผู้อำนวยการของบริการข่าวกรองระหว่างประเทศไปอินเดีย เพื่อแบ่งปันข่าวสารกับพนักงานสืบสวน สอบสวนของอินเดีย
รมต.ว่าการกระทรวงการ ตปท.ปากีสถานคุเรชี ไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอแนะที่ว่า ปากีสถานไม่ทำตามพันธกรณีของตน แต่ว่าปากีสถานจะเล่นงานปัจเจกชนหรือกลุ่มบุคคลใดๆ ถ้าอินเดียแสดงพยานหลักฐานที่โยงพวกเขา กับการก่อความรุนแรงที่นครมุมบัย และว่าการก่อการร้ายเป็นสิ่งที่เป็นพิษเป็นภัยต่อทุกฝ่าย และอินเดียไม่ควรรีบผลุนผลันลงความเห็น เขากล่าวว่าปากีสถานเป็นหุ้นส่วนที่สำคัญ ในการที่โลกทำสงครามในการต่อต้านการก่อการร้าย และนโยบายเป็นเครื่องยั่งยุให้ผู้ฝักใฝ่ความรุนแรงสุดกู่ สังหารกองกำลังรักษาความมั่นคงปลอดภัยและพลเรือนปากีสถาน ด้วยวิธีการวางระเบิดแบบพลีชีพ และการโจมตีแบบอื่นๆ ในดินแดนปากีสถาน