ขณะที่กำลังมีการรณรงค์เรื่องสิ่งแวดล้อมกันอยู่นี้ ร้านอาหารหรือภัตตาคารหลายแห่งในสหรัฐ ก็กำลังดำเนินกิจการแบบพยายามให้เป็นพิษเป็นภัยแก่สิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด และให้มีผลดีต่อสุขภาพด้วย ภัตตาคารเหล่านั้นเรียกกันว่า Green Restaurant หรือภัตตาคารเขียว
ปัจจุบันร้านอาหารสีเขียว หรือชีวภาพ มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งร้านเหล่านั้นไม่เพียงแต่ใช้วัตถุดิบชีวภาพจากธรรมชาติ หรือผักผลไม้ที่ปลูกในท้องถิ่นเท่านั้น แต่ยังมีกระบวนการประหยัดพลังงาน การหมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่ หรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่ย่อยสลายไปได้เองตามธรรมชาติ
ที่ร้านอาหารสเขียวทุกร้านจะมีป้ายติดอยู่ ซึ่งเป็นใบประกาศนียบัตรสีเขียว ที่แสดงให้เห็นว่า ร้านอาหารนั้นใช้ขบวนการ และวัตถุดิบที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ใบประกาศสีเขียวที่ว่านี้จะออกให้ โดยสมาคมร้านอาหารสีเขียว หรือ The Green Restaurant Association หรือเรียกย่อๆ ว่า GRA ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่นครบอสตัน
คุณไมเคิล ออชแมน ผู้ก่อตั้งสมาคมบอกว่า ปกติแล้วคำว่าสิ่งแวดล้อมกับธุรกิจ มักจะไปด้วยกันไม่ได้ แต่ปัจจุบันร้านอาหารสีเขียว กำลังมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
คุณไมเคิลระบุว่า เวลานี้มีร้านอาหารทั้งที่เป็นสีเขียวแล้ว และที่กำลังจะเป็นสีเขียวอยู่ประมาณ 260 ร้านทั่วอเมริกา และอีกบางร้านในแคนาดา ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วกว่าที่คิด
ร้านอาหารโบโรโค หนึ่งในร้านอาหารสีเขียว หรือชีวภาพ ที่มีสาขาอยู่ทั่วรัฐแมซซาชูเสท พยายามปฏิบัติตามนโยบายของ GRA อย่างเคร่งครัด ตั้งแต่การนำระบบหมุนเวียนนำสิ่งต่างๆ กลับมาใช้ใหม่ ให้พนักงานใส่เสื้อยืดที่ผลิตจากผ้าฝ้ายหรือวัสดุชีวภาพ รวมทั้งใช้เนื้อจากสัตว์ที่เลี้ยงตามธรรมชาติ โดยไม่มีการฉีดยาป้องกันโรค หรือยาเร่งโตแต่อย่างใด นอกจากนี้ยังใช้ภาชนะที่ทำจากเส้นใยพืช แทนภาชนะพลาสติกด้วย ซึ่งแน่นอนที่ลูกค้าจำนวนมาก จะชื่นชอบนโยบายธรรมชาติของร้านโบโรโคนี้
ลูกค้าคนหนึ่งของร้านโบโรโคบอกว่า มาทานอาหารที่นี่เป็นประจำ เพราะคิดว่าเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม และนอกจากจะช่วยเพิ่มจำนวนลูกค้าประจำแล้ว ร้านอาหารสีเขียวหรือชีวภาพ ยังได้ประโยชน์ทางธุรกิจด้านอื่นๆ อีกด้วย ดังเช่นที่คุณจอร์ช โดราเต้ เจ้าของร้านอาหารอิตาลีสีเขียว ทาลานต้า ซึ่งตั้งอยูในนครบอสตันเล่าว่า ผลิตภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อมทุกชิ้นที่นำมาใช้ในร้านอาหารต่างให้ผลดีกับร้าน แต่ที่เยี่ยมที่สุด น่าจะเป็นเครื่องทำความร้อนพลังน้ำ เพราะช่วยประหยัดค่าแกสได้ประมาณ 150-200 ดอลล่าร์เลยทีเดียว และแม้การเปลี่ยนมาใช้อุปกรณ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่นหลอดไฟแบบประหยัดพลังงาน หรือรถสำหรับส่งอาหารที่ใช้เชื้อเพลิงจากน้ำมันพืชที่ใช้แล้ว ล้วนมีต้นทุนสูงทั้งสิ้น แต่ในระยะยาวนั้น ค่าใช้จ่ายรายเดือนที่ลดลง จะแสดงให้เห็นถึงความคุ้มต่าของผลิตภัณฑ์เหล่านั้น
รายงานของรัฐบาลสหรัฐระบุว่า อาคารที่เป็นร้านอาหารนั้น ใช้พลังงานมากที่สุดในบรรดาอาคารพาณิชย์ต่างๆ ทั้งหมด และธุรกิจร้านอาหารในอเมริกาก็มีขนาดใหญ่ประมาณ 10% ของเศรษฐกิจทั้งประเทศ ดังนั้นเป้าหมายของสมาคมร้านอาหารสีเขียว ก็คือการพยายามสร้างจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมในหมู่ผู้ทำธุรกิจร้านอาหาร
แม้ว่าการรณรงค์ในส่วนนี้ จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงโลกทั้งโลกได้ แต่คุณไมเคิล ฮาร์เดอร์ ประธานกลุ่มร้านอาหารโบโรโค มั่นใจว่านโยบายนี้จะช่วยปรับเปลี่ยน ในส่วนของธุรกิจร้านอาหารได้แน่นอน
คุณไมเคิลบอกว่า นั่นเป็นสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และเป็นสิ่งที่เราในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของชุมชน จะต้องทำ
