รายงานฉบับใหม่ระบุว่าข้อตกลงระหว่างประเทศ ว่าด้วยการแก้ไขสภาพบรรยากาศโลกเปลี่ยนแปลง อาจบรรลุผลล่าช้า เกินกว่าจะช่วยปกป้องแนวปะการังขนาดใหญ่ต่างๆ ทั่วโลก
ในขณะเดียวกัน รัฐบาลรัฐควีนสแลนด์ประกาศโครงการ มูลค่าหลายล้านดอลล่าร์ เพื่อรักษาแนวปะการัง Great Barrier Reef จากมลพิษทางการเกษตร
รายงานจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดในสหรัฐ ระบุว่าสภาพการณ์ในอนาคต ของแนวปะการังขนาดใหญ่ต่างๆในโลก อาจต้องเผชิญกับความเสี่ยงเนื่องจากปริมาณ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สูงขึ้น ส่งผลให้น้ำทะเลกลายสภาพเป็นกรดและจะเริ่มทำลาย แนวปะการังในอีกไม่กี่สิบปีข้างหน้า รายงานยังบอกด้วยว่าแม้ประเทศหลักๆที่ปล่อยก๊าซ คาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศ จะให้ความร่วมมือตามข้อตกลงลดปริมาณก๊าซ ที่ก่อให้เกิดปรากฎการณ์เรือนกระจก ที่เป็นตัวการสำคัญของภาวะโลกร้อน แต่ก็อาจจะไม่ ทันการ โดย 1 ใน 3 ของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทั่วโลกนั้นจะถูกดูดซับโดย มหาสมุทร และเมื่อรวมตัวกับน้ำทะเลจะกลายเป็นกรดคาร์บอนิกที่มีฤทธิ์ทำลายปะการังได้
ในขณะเดียวกัน รัฐบาลรัฐควีนสแลนด์ประกาศโครงการมูลค่า 30 ล้านดอลล่าร์ เพื่อรักษาแนวปะการัง Great Barrier Reef จากมลพิษทางการเกษตร ซึ่งแนวปะการัง ที่ยาวที่สุดในโลกนี้กำลังถูกทำลายด้วยสารตกค้างจากยาฆ่าแมลงและสารตะกอนจาก การเกษตรอื่นๆ ที่รั่วไหลลงไปตามทางน้ำออกสู่ทะเล นอกจากนี้ บรรดาเกษตรกรยังต้อง เผชิญกับมาตรการควบคุมทางกฎหมายที่เข้มงวดขึ้นด้วย
ผู้ว่าการรัฐควีนสแลนด์ Anna Bligh กล่าวว่าอันตรายจากน้ำมือมนุษย์ดังกล่าว คือภัยคุกคามใหญ่หลวงต่อแนวปะการัง ซึ่งได้รับการประกาศเป็นมรดกโลกแห่งนี้
ผู้ว่าการรัฐควีนสแลนด์บอกว่ามีปัจจัยมากมาย ที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพน้ำบริเวณแนว ปะการัง โดยเฉพาะในบริเวณที่มีประชากรเพิ่มขึ้น และแหล่งบำบัดน้ำเสีย แต่หลักฐาน ทางวิทยาศาสตร์บ่งชี้ว่าจุดที่มีระดับสารเคมี และอินทรียสารตัวการทำลายปะการังสูงที่ สุดคือพื้นที่ที่ทำการเกษตรหนาแน่น ทางด้านกลุ่มรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อมต่าง ตอบรับต่อโครงการของรัฐควีนสแลนด์ที่ว่านี้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม บรรดาเกษตรกร จำนวนมากโต้แย้งว่า ปัจจุบันพวกเขาต่างใช้มาตรการป้องกันการแพร่มลพิษจากที่ดิน ของตนเองไปสู่สิ่งแวดล้อมอยู่แล้ว
เราสามารถพบแนวปะการังได้ทั่วไปตามทะเล ในเขตอบอุ่นทางใต้หรือบริเวณ เส้นศูนย์สูตร แนวปะการังนี้คือที่อยู่ และแหล่งอาหารของสัตว์ทะเลหลายพันชนิด รวมทั้งปลาจำนวนมหาศาล ที่เป็นอาหารสำคัญของประชากรประเทศกำลังพัฒนาหลาย ล้านคนทั่วโลก สำหรับ Great Barrier Reef นี้มีความยาวกว่า 2 พันกิโลเมตร ทอดยาว ตลอดแนวชายฝั่งทะเลด้านตะวันออกเฉียงเหนือ ของออสเตรเลีย แนวปะการังแห่งนี้
ไม่เพียงจะแสดงความมหัศจรรย์ของระบบนิเวศน์ในธรรมชาติเท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่ง รายได้สำคัญด้านการท่องเที่ยวของออสเตรเลียด้วย ในแต่ละปีจะมีนักดำน้ำนับพัน นับหมื่นคนเดินทางมาชมปะการัง รวมทั้งนักท่องเที่ยวจำนวนมหาศาลที่ต้องการชม ชีวิตสัตว์ทะเลซึ่งอาศัยอยู่บริเวณแนวปะการังยักษ์แห่งนี้ด้วย