เวลานี้ปัญหาเงินเฟ้อกำลังสร้างความกดดันให้กับรัฐบาลประเทศต่างๆ ทั่วเอเชีย เนื่องจากประชาชนต่างโกรธเคืองและพากันประท้วงราคาอาหาร และราคาเชื้อเพลิงที่แพงขึ้น
ส่วนทางด้านรัฐบาลเองก็กำลังกังวลเกี่ยวกับเงินงบประ มาณก้อนใหม่ที่อาจมีจำนวนน้อยลง
เวลานี้ประชาชนในประเทศต่างๆ ในเอเชีย เช่น อินเดีย อินโดนีเซีย มาเลเซีย เกาหลีใต้และประเทศไทย ต่างกำลังไม่พอใจกับปัญหาราคาอาหาร และน้ำมันแพง จนนำไปสู่การประท้วงรัฐบาลในช่วงเดือนที่แล้ว ทั้งปิดกั้นการจราจร ไปจนถึงขัดขวางการขนส่งอาหารและเชื้อเพลิง ในขณะเดียวกัน บางประเทศยัง ตัดสินใจใช้มาตรการตัดเงินสวัสดิการค่าน้ำมันที่ให้แก่รัฐมนตรีและนักการเมืองด้วย
ปัญหาเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นในปัจจุบันเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นทั่วโลก ไม่ใช่แค่เฉพาะ ในเอเชียหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง ราคาน้ำมันดิบโลกที่แพงขึ้นมากนั้น เป็นผลมาจากความต้องการพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้นในขณะที่ปริมาณน้ำมันยังคงที่หรือ อาจลดลง ทำให้รัฐบาลของแต่ละประเทศไม่สามารถจัดการแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อ ได้มากนัก และยิ่งในประเทศที่มีการอุดหนุนด้านราคาอาหารและเชื้อเพลิงมา ยาวนาน เช่น มาเลเซีย รัฐบาลก็ยิ่งมีภาระค่าใช้จ่ายมากเกินไป จนในที่สุดต้อง ยินยอมใช้มาตรการตัดการช่วยเหลือ ขึ้นภาษี หรือใช้งบประมาณแบบขาดดุลเพิ่มขึ้น
คุณ Mark Thirlwell ผอ.โครงการเศรษฐกิจระหว่างประเทศของสถาบัน นโยบายต่างประเทศ Lowy ในออสเตรเลียกล่าวว่า เมืี่อรัฐบาลเลิกใช้มาตรการ อุดหนุนหรือไม่มีเงินงบประมาณเพียงพอที่จะรับมือกับอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น การประท้วงอย่างรุนแรงโดยประชาชนก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยาก และนำไปสู่การ สั่นคลอนเสถียรภาพทางการเมือง
คุณ Thirlwell บอกว่าเมื่อภาวะเงินเฟ้ออยู่เหนือการควบคุม ผลที่ตามมาก็คือ รัฐบาลจะเสื่อมความนิยมทางการเมือง
ในขณะเดียวกัน คุณ Robert Broadfoot แห่งสำนักงานที่ปรึกษาความเสี่ยง ทางเศรษฐกิจและการเมืองในฮ่องกง ให้ความเห็นว่ารัฐบาลหลายประเทศ เช่น อินเดีย ดำเนินมาตรการผิดพลาดในการรับมือกับเงินเฟ้อ ด้วยการแทรกแซงราคา อาหารและน้ำมันในช่วงก่อนการเลือกตั้งเพื่อหวังผลทางการเมือง ต่อมาเมื่อไม่ สามารถให้การช่วยเหลือได้ต่อไปเนื่องจากค่าใช้จ่ายเพิ่มสูงขึ้นมาก ความวุ่นวาย และความโกรธเคืองของประชาชนจึงปะทุขึ้น อย่างไรก็ตาม คุณ Broadfoot ระบุว่ามีบางประเทศที่ดำเนินมาตรการได้อย่างน่าชมเชย คือ อินโดนีเซีย แม้เพิ่งจะมีการประท้วงไปเมื่อเร็วๆ นี้ก็ตาม
ผู้เชี่ยวชาญจากสำนักงานที่ปรึกษาความเสี่ยงผู้นี้กล่าวยกย่องการตัดสินใจ ของประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ที่สามารถทำให้ประชาชนยอมรับมาตรการตัดความ ช่วยเหลือด้านน้ำมันได้ง่ายขึ้น ด้วยการใช้วิธีแจกเงินสดให้แก่คนยากจนเป็นการ แลกเปลี่ยน ซึ่งแม้จะเกิดการประท้วงหลังจากที่รัฐบาลประกาศขึ้นราคาน้ำมัน 30% เมื่อเดือนที่แล้ว แต่ก็ไม่รุนแรงพอที่จะส่งผลกระเทือนถึงความมั่นคงของรัฐบาล แต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม คุณ Mark Thirlwell จากสถาบัน Lowy เตือนว่า อย่างเพิ่งคาดหวังว่าอัตราเงินเฟ้อจะลดลงในอนาคตอันใกล้
นักวิเคราะห์ผู้นี้บอกว่าในระยะยาวนั้น ราคาสินค้าที่สูงจะกระตุ้นให้มีการผลิตมากขึ้น และราคาก็จะเริ่มลดลง แต่ทว่าหากมีปัญหาในกระบวนการผลิต หรือปริมาณ สินค้าไม่สามารถเพิ่มขึ้นได้ ก็เตรียมตัวเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อครั้งใหญ่รอบใหม่ได้เลย
ไม่ว่าการรับมือกับปัญหาเงินเฟ้อของแต่ละประเทศจะเป็นอย่างไร แต่เชื่อแน่ว่าสำหรับประเทศที่จะมีการเลือกตั้งทั่วไปเร็วๆนี้ เช่น อินเดียและ อินโดนีเซียนั้น การตัดสินใจในเรื่องดังกล่าวจะส่งผลใหญ่หลวงต่อคะแนนเสียง อย่างแน่นอน และแม้การสร้างความนิยมในหมู่ประชาชนจะเป็นภารกิจอันดับแรก ของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง แต่ทั้งนักเศรษฐศาสตร์และนักวิเคราะห์การเมือง หลายสำนักก็ต่างส่งเสียงเตือนดังระงมว่า คะแนนเสียงที่จะได้นั้นอาจต้องแลกมาด้วย ราคาที่สูงมากจนบางประเทศไม่มีปัญญาจ่ายก็เป็นได้
