ข้าหลวงใหญ่เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ หลุยส์ อาร์เบอร์ กล่าวโจมตีทางการพม่า ฐานขัดขวางการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากพายุไซโคลนนาร์กีซ เธอแสดงความข้องใจเกี่ยวกับประวัติผลงานด้านสิทธิมนุษยชนของพม่า ไว้ในการกล่าวปราศรัยต่อสภาสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาชาติเป็นครั้งสุดท้าย
คุณหลุยส์ อาร์เบอร์ แสดงความเสียใจต่อผู้ประสบภัย นับล้านๆ คนจากแผ่นดินไหวที่เมืองจีน และจากพายุไซโคลนนาร์กีซที่ทำลายอาณาบริเวณหลายแห่งในพม่า คุณหลุยส์ อาเบอร์ ประนามการที่พม่าดำเนินการแก้ไขภัยพิบัติอันเกิดจากพายุไซโคลนนาร์กีซอย่างเชื่องช้า และว่า ประชาคมระหว่างประเทศ มีส่วนที่จะต้องโดนตำหนิด้วย ฐานทำเงียบเฉย ในยามที่รัฐบาลพม่าละเมิดสิทธิมนุษยชนต่างๆ เธอยอมรับว่าไม่มีรัฐบาลของประเทศไหน ที่พร้อมที่จะสนองตอบต่อความต้องการของประชาชนในยามที่เกิดความวิบัติแบบนั้น ด้วยเหตุนี้ เธอจึงกล่าวว่า ความช่วยเหลือของนานาประเทศ มีความสำคัญอย่างยิ่งยวด
คุณหลุยส์ อาร์เบอร์กล่าวว่า ผู้ประสบภัย มีสิทธิ์ที่จะคาดหมายว่าตนจะได้รับความช่วยเหลือที่ว่านั้น และเป็นหน้าที่ของรัฐบาลของประเทศต่างๆ และประชาคมระหว่างประเทศ ที่จะ ต้องทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ เพื่ออำนวยความสะดวกเกี่ยวกับเรื่องนั้น คุณหลุยส์ อาร์เบอร์ กล่าวด้วยว่าในกรณีของพม่า การขัดขวางการกระจายความช่วยเหลือดังกล่าว แสดงให้เห็นถึงผลกระทบที่แสลงใจ อันเกิดจากการที่ประชาคมระหว่างประเทศ อดทน อดกลั้น ต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชน ซึ่งทำให้การขัดขวางดังกล่าวอยู่ในวิสัยที่จะทำได้
สหประชาชาติ อนุมานว่าพายุไซโคลนนาร์กีซ กระทบกระเทือนประชาชนราวสองล้านห้าแสนคน หลังจากเกิดความวิบัติดังกล่าวแล้ว คณะทหารผู้ปกครองพม่า ไม่ยอมรับความช่วยเหลือส่วนมาก ที่ต่างประเทศยินดีมอบให้ แถมยังไม่ยอมออกวีซ่า ให้ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจำเป็นต่อการประสานงานการปฏิบัติการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ซึ่งมีขอบข่ายกว้างขวางใหญ่โต
บรรดานายพลพม่า ยอมผ่อนคลายท่าทีของพวกเขาลงในระยะไม่กี่วันมานี้ แต่สหประชา ชาติรายงานว่า ขณะนี้ ประชาชนผู้รอดชีวิตจากพายุไซโคลนนาร์กีซ สองแสนห้าหมื่นคน ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือที่ต่างประเทศมอบให้
