นักวิจัยเผยแพร่ผลการศึกษาระหว่างประเทศ เกี่ยวกับการติดบุหรี่ของสตรีมีครรภ์ นักวิจัยกล่าวว่า อัตราการสูบบุหรี่ และการสูดดมควันบุหรี่ของสตรีมีครรภ์ในประเทศกำลังพัฒนา และในประเทศที่มี รายได้ปานกลางนั้นสูงเกินคาด
คณะนักวิจัยนานาชาติ ซึ่งนำทีมโดยนักสำรวจจากสถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐ สำรวจความคิดเห็น ของสตรีมีครรภ์ 8,000 คนจากแถบละตินอเมริกา 5 ประเทศ อาฟริกา 2 ประเทศ และเอเชียอีก 3 ประเทศ นักวิจัยพบว่าที่ละตินอเมริกามีคนสูบบุหรี่มากที่สุด โดยคิดเป็นอัตราส่วนของหญิงมีครรภ์ในอุรุกวัย 18% และผู้หญิงในอาร์เจนติน่าอีก 10%
นักวิจัยพบว่าบุหรี่แบบไม่มีควัน เป็นที่นิยมมากราว 1 ใน 3 ของหญิงมีครรภ์ที่อยู่ตามส่วนต่างๆ ของอินเดีย
ส่วนที่ปากีสถานพบว่ามีอัตราการสูดดมควันบุหรี่อยู่ในระดับสูง รายงานระบุว่าเกือบครึ่งหนึ่งของหญิงมีครรภ์ และลูกๆ ของพวกเธอสูดดมควันบุหรี่จากผู้อื่นอยู่เป็นประจำ
ที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก นักวิจัยกล่าวว่ามีอาสาสมัคร 40% ที่ทดลองสูบบุหรี่ไร้ควันอย่าง น้อย 1 ครั้ง ในขณะที่ 14% ของหญิงมีครรภ์ได้ทดลองสูบบุหรี่กันมาแล้ว ส่วนที่แซมเบีย อาสาสมัคร 7% บอกว่าทดลองสูบ บุหรี่มาแล้วเช่นกัน
คุณมิเชล บล็อก แห่งศูนย์ควบคุมยาสูบ ของสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ผู้นำในการศึกษาครั้งนี้กล่าวว่า การค้นพบ เหล่านี้เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึง เพราะโดยวัฒนธรรมของบรรดาประเทศกำลังพัฒนานั้น ผู้หญิงจะไม่สูบบุหรี่กัน และ ว่าการศึกษานี้ยังชี้ให้เห็นว่าผู้หญิงที่สูบบุหรี่เป็นครั้งคราวก็อาจจะกลายเป็นคนติดบุหรี่ได้ด้วย
คุณมิเชลกล่าวว่าประเทศกำลังพัฒนา เป็นที่ที่มีผู้ชายสูบบุหรี่อยู่ในระดับสูง และมีความรู้เรื่องสุขภาพอยู่ใน ระดับต่ำมาก ดังนั้นการที่ผู้หญิงในประเทศเหล่านี้ไม่สูบบุหรี่ น่าจะเป็นเพราะปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจ และ วัฒนธรรม แต่เมื่อสิ่งเหล่านี้เปลี่ยนแปลงไป ผู้หญิงและเด็กจึงอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นอันตราย
หญิงมีครรภ์ที่สูบบุหรี่ จะเสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนด และอาจทำให้ทารกที่คลอดออกมามีน้ำหนักตัวน้อย และการสูบบุหรี่ในระหว่างตั้งครรภ์ อาจทำให้เด็กทารกเสียชีวิตทันทีหลังคลอดด้วย
คุณลินดา ไรท์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิทยาศาสตร์ของข่ายงานโลก ที่สถาบันสุขภาพเด็กและ การพัฒนามนุษย์แห่ง ชาติ ผู้ประสานงานด้านการวิจัยโลกกล่าวว่า มีการศึกษาหลายฉบับที่แสดงให้เห็นว่าผู้หญิงในประเทศกำลัง พัฒนา ล้วนเต็มใจยอมรับความช่วยเหลือเพื่อให้เลิกบุหรี่ได้
คุณลินดาว่า ผู้หญิงส่วนใหญ่มักจะกังวลเกี่ยวกับทารกในครรภ์และลูกๆ ของตน ดังนั้นถ้ามีการให้คำแนะนำผู้ หญิงเหล่านั้นตั้งแต่การตั้งครรภ์ในระยะแรก ก็จะช่วยให้เลิกบุหรี่ได้
การศึกษาเรื่องนี้ตีพิมพ์อยู่ในวารสาร American Journal of Public Health