องค์การอนามัยโลกกล่าวว่า เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาเป็นวันโรคมะเร็งโลก และว่าจะมีคนเป็นโรคมะ เร็งมากขึ้นในช่วง 2 ปี คือปี 2548 นั้นมีคนเป็นโรคมะเร็งเสียชีวิตถึง 7 ล้าน 6 แสนคน องค์การอนามัยโลกมีความวิตกกังวลและอยากจะเห็นผู้คนเปลี่ยนแนวทางการดำเนินชีวิต โดยเฉพาะการสูบบุหรี่ และการบำบัดรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งในประเทสกำลังพัฒนา
บรรดานักรณรงค์ด้านสุขภาพกำลังสื่อสารถึงประชาชนทั่วไปว่าโรคมะเร็งนั้น ไม่จำเป็นว่าจะเป็นและไม่ควรเป็นโรคที่ทำให้คนเสียชีวิตเสมอไป โรคมะเร็งบางอย่างป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นได้ สาเหตุสำคัญของโรคมะเร็งอีกอย่างหนึ่งคือการสูบบุหรี่
ปีเตอร์ บอยด์ ผู้อำนวยการองค์การระหว่างประเทศเพื่อการวิจัยโรคมะเร็งกล่าวว่า การสูบบุหรี่เป็นปัญหาใหญ่ซึ่งวงการสาธารณสุขกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ เขากล่าวว่าโรคมะเร็งกำลังเป็นปัญหาทั่วโลก อัตราการเป็นโรค มะเร็งสูงขึ้นมากที่สุดในประเทศกำลังพัฒนาและประเทศอุตสาหกรรมใหม่ๆ ซึ่งคาดมากกว่า 70% ของคนเสีย ชีวิตเนื่องจากโรคมะเร็งจะอยู่ในประเทศเหล่านี้
ผู้อำนวยการองค์การวิจัยโรคมะเร็งระหว่างประเทศกล่าวว่า คนสูบบุหรี่ รวมทั้งคนที่สูบกล้อง และซิกการ์ มีความเสี่ยงมากขึ้นที่จะเป็นโรคมะเร็งที่ปอด กระเพาะอาหาร ไต และคอมดลูก ตลอดจนลูคีเมียร์ หรือมะเร็งเม็ดโลหิต เขากล่าวว่าหากแนวโน้มการสูบบุหรี่ยังเป็นอยู่อย่างนี้ ก็คาดได้เลยว่าจะมีคนเสียชีวิตอย่างน้อย 150 ล้านคนสืบเนื่องจากการสูบบุหรี่ในช่วง 25 ปีแรกของศตวรรษนี้ และในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษนี้จะมีคนเสียชีวิตจากการสูบบุหรี่ราวๆ 500 ล้านคน
ตามรายงานนั้น โรคมะเร็งเกิดขึ้นหลังจากคนเริ่มสูบบุหรี่ราว 20-30 ปีที่คนในประเทศพัฒนาเริ่มติดนิสัยการสูบบุหรี่กลายสิบปีหลังคนในประเทศพัฒนาแล้ว ดังนั้นการเสียชีวิตในประเทศกำลังพัฒนาเพราะโรคมะเร็งที่สืบเนื่องจากการสูบบุหรี่จึงยังไม่ปรากฏชัดเต็มที่ แต่ข่าวดีก็คือยังมีเวลาป้องกันชีวิตของคนเหล่านี้ได้เป็นจำนวนมาก
ปีเตอร์ บอยด์ ผู้อำนวยการองค์การระหว่างประเทศเพื่อการวิจัยโรคมะเร็งกล่าวว่า การเลิกสูบบุหรี่ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่มาจากการสูบบุหรี่
องค์การอนามัยโรครายงานว่า โรคมะเร็งราว 1 ใน 3 สามารถป้องกันได้ และ 1 ใน 3 สามารถรักษาให้หายขาดได้ หากตรวจพบแต่เนิ่นๆ
