มีรายงานจากรัฐกะเหรี่ยงในภาค ตอ.ของพม่าว่า การรุกรบในฤดูแล้งของกองทัพบกพม่าในการปราบปรามกลุ่มสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยงกำลังดำเนินอยู่ กลุ่มกะเหรี่ยงนั้นต่อสู้เพื่อเป็นอิสระจากรัฐบาลทหารของพม่ามาเกือบ 60 ปีแล้ว
ในระยะสองปีที่ผ่านมา บรรดากลุ่มทำงานเพื่อสิทธิมนุษยชนกล่าวว่ากองทัพบกพม่าปฏิบัติการกวาดล้างในรัฐกะเหรี่ยงหนักหน่วงขึ้น จนกระทั่งเกิดวิกฤติการณ์ด้านมนุษยธรรม
การสู้รบระหว่างกองทัพบกพม่ากับชนกลุ่มน้อยชาวกะเหรี่ยงในพม่านั้น เข้าใจกันว่า เป็นสงครามกลางเมืองที่ยืดเยื้อยาวนานที่สุดในโลก การสู้รบเริ่มขึ้นไม่นานหลังจากพม่าเป็นเอกราชจากอัง กฤษในปี พ.ศ. 2492 เมื่อชาวกะเหรี่ยงไม่ยอมรับการปกครองตนเองที่รัฐบาลพม่าซึ่งประกอบด้วยชนเชื้อสายพม่าเป็นส่วนใหญ่เสนอ กลุ่มชนเผ่าเชื้อสายต่างๆเกือบ 20 กลุ่มต่อสู้กับรัฐบาลตั้งแต่นั้นมา แม้รัฐบาลจะทำความตกลงสันติภาพกับหลายกลุ่มในเวลา 10 ปีที่ผ่านมา แต่ในรัฐกะเหรี่ยงนั้น การต่อสู้ยังคงดำเนินอยู่ต่อไป และชาวบ้านตกอยู่ระหว่างกลางการสู้รบ รัฐบาลทหารของพม่าอ้างเหตุผลในการปกครองอย่างแข็งกร้าวห้า้วโหดว่าเป็นเรื่องจำเป็นเพื่อควบคุมกลุ่มชนเผ่าเชื้อสายต่างๆ ไม่ให้แบ่งแยกแตกตัวออกไป
บรรดากลุ่มทำงานเพื่อสิทธิมนุษยชน กล่าวว่า กองทัพบกพม่าใช้กลวิธี “ธรณีเพลิง” เพื่อไม่ให้กองโจรกะเหรี่ยงมีฐานสนับสนุน โดยสังหารชาวบ้าน ฆ่าปศุสัตว์ เผาบ้านเผาเมือง วางกับระเบิดเพื่อไม่ให้ชาวบ้านที่ต้องอพยพหลบหนีออกไป กลับเข้าไปอยู่ใหม่ เฉพาะในช่วงสองปีที่ผ่านมา ชาวบ้านถูกฆ่าตายไปราว 370 คน และพลัดพรากจากถิ่นที่อยู่ราว 30,000 คน จำนวนมากถูกจับไปบังคับใช้แรงงาน การสู้รบทำให้หลายชุมชนไม่สามารถทำนาได้ ประชาชนกำลังประสพภาวะอดอยาก
บรรดาองค์กรที่ให้ความช่วยเหลือ คาดกันว่าอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ชาวกะเหรี่ยงหลายพันคนจะถูกบังคับให้ต้องอพยพหลบหนีอีก และจะมีการสูญเสียชีวิตเกิดขึ้นอีก