การฝังเข็มเป็นเทคนิคการแพทย์แผนโบราณของชาวจีน ปัจจุบันการฝังเข็มถูกพัฒนาให้สามารถปรับใช้ได้กับการแพทย์แผนตะวันตก และยังมีการนำเทคนิคการฝังเข็มนี้ ไปใช้ในการควบคุมอาการเจ็บปวดมาเป็นเวลานานแล้ว
การฝังเข็มเป็นเทคนิคการแพทย์แผนโบราณของชาวจีน ที่ทำโดยการแทงเข็มลงไปตามจุดฝังเข็มบนร่างกายเพื่อฟื้นฟูสุขภาพ ปัจจุบันการฝังเข็มถูกพัฒนาให้สามารถปรับใช้ได้กับการแพทย์แผนตะวันตก โดยบรรดาแพทย์ที่กล่าวอ้างว่าการรักษาแบบนี้สามารถช่วยผู้ป่วยที่มีปัญหาด้านสุขภาพ ตั้งแต่ผู้ที่ต้องการเลิกบุหรี่ ไปจนถึงผู้ที่มีปัญหาเรื่องท้องผูก และยังมีการนำเทคนิคการฝังเข็มนี้ ไปใช้ในการควบคุมอาการเจ็บปวดมาเป็นเวลานานแล้ว
คุณที เจ แกน วิสัญญีแพทย์ซึ่งเป็นนักวิจัยที่มหาวิทยาลัยดู๊กได้ทบทวนการศึกษาหลายๆ ฉบับเกี่ยวกับประสิทธิภาพของการฝังเข็ม
นายแพทย์ที เจ แกน และเพื่อนร่วมงานมุ่งศึกษาในเรื่องการฝังเข็มเพื่อช่วยลดอาการเจ็บปวดหลังการผ่าตัด เขากล่าวว่าการหาหนทางลดความเชื่อถือในยาบรรเทาปวดหลังการผ่าตัดที่มีฝิ่นเจือปน อย่างเช่นมอร์ฟีนนั้น เป็นเรื่องสำคัญ และชี้ว่ามอร์ฟีนมีฤทธิ์มากกว่าการทำให้ชา หรือหมดความรู้สึก
คุณหมอที เจ แกนกล่าวว่า การใช้มอร์ฟีนทำให้มีผลข้างเคียงต่างๆ มากมาย อย่างเช่นคลื่นไส้ อาเจียน คัน หายใจสะดวก ปัสสาวะขัด เซื่องซึม และมีผู้ป่วยสูงอายุจำนวนมาก ที่มีอาการงุนงงจากฤทธิ์ของมอร์ฟีนด้วย
ภายหลังจากที่ได้ทบทวนดูรายงานการศึกษาหลายฉบับ และนำข้อมูลต่างๆ จากรายงานเหล่านั้น มาประกอบเข้าด้วยกัน คุณหมอที เจ แกน และเพื่อนร่วมงานพบว่า การใช้วิธีการฝังเข็ม ช่วยให้ผู้ป่วยหลังผ่าตัดต้องการยาบรรเทาปวดที่มีฝิ่นเป็นส่วนผสมน้อยลง นอกจากนี้การฝังเข็มยังช่วยลดอาการคลื่นเหียนวิงเวียนลงได้ราวครึ่งหนึ่ง เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะมีผู้ป่วยมากกว่าครึ่งที่ได้รับผลข้างเคียงจากการใช้มอร์ฟีน
ยิ่งไปกว่านั้น การฝังเข็มยังช่วยลดผลข้างเคียงอย่างรุนแรงจากการใช้มอร์ฟีน อย่างเช่นการหายใจไม่สะดวกภายหลังการผ่าตัด หรือการมีอาการปัสสาวะขัดลงได้ราวสามเท่าครึ่ง เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ป่วยที่ผ่าตัดโดยที่ไม่ได้รับการฝังเข็ม
นายแพทย์ที เจ แกนกล่าวส่งท้ายว่า ไม่ว่าผู้ป่วยจะเข้ารับการผ่าตัดชนิดใดก็ตาม การฝังเข็มก็สามารถช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดหลังการผ่าตัดเหล่านั้นได้ แต่ถึงอย่างไร ก็ยังต้องใช้เวลาอีกนานกว่าที่แพทย์อเมริกันจะยอมรับให้การฝังเข็มนี้ เป็นการรักษาที่ถูกต้องตามกฎหมาย และนายแพทย์ที เจ แกน ก็ต้องการที่จะศึกษาวิจัยเกี่ยวกับประสิทธิภาพของการฝังเข็มนี้ต่อไป
