เมื่อเร็วๆนี้ศาลฝรั่งเศสสั่งสอบสวนคดีที่อดีตประธานาธิบดีฝรั่งเศส Jacques Chirac ถูกกล่าวหาว่าฉ้อโกงในขณะที่ดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีกรุงปารีสระหว่างปี ค.ศ. 1977-1995 เหตุการณ์สอบสวนอดีตผู้นำประเทศครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของฝรั่งเศส
ตามคำให้สัมภาษณ์ของทนายความของอดีตประธานาธิบดี Jacques Chirac ระบุว่า ผู้พิพากษา Xaviere Simeoni ไต่สวนคดีที่กล่าวหาว่าอดีตผู้นำฝรั่งเศสมีความเกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงโครงการจ้างงานระหว่างดำรงตำแหน่งพ่อเมืองปารีส ซึ่งนาย Chirac ปฏิเสธข้อกล่าวหานี้ และแสดงความเห็นเพื่อปกป้องตนเองในหนังสือพิมพ์ Le Monde โดยระบุว่า การจ้างงาน 20 ตำแหน่งในเวลานั้นเป็นไปอย่างถูกต้องสมบูรณ์
การไต่สวนครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 2 ตั้งแต่นาย Chirac ลงจากตำแหน่งประธานาธิบดีฝรั่งเศสเมื่อเดือนพฤษภาคม หลังจากอยู่ในวาระมา 12 ปีเต็ม และก็เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของฝรั่งเศสที่มีการตั้งข้อหาต่ออดีตผู้นำประเทศอย่างเป็นทางการ
นาย Steven Ekovich ศาสตราจารย์ด้านการเมืองฝรั่งเศสแห่งมหาวิทยาลัยอเมริกันในกรุงปารีสกล่าวว่า กรณีนี้เป็นการแสดงให้เห็นถึงหลักการพื้นฐานของระบอบประชาธิปไตย ว่าไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย แม้ตามปกติประธานาธิบดีมักจะมีอำนาจในการปกปิดซ่อนเร้นความผิดทางกฎหมาย และไม่ค่อยมีใครกล้าเอาผิดเนื่องจากเหตุผลทางการเมือง แต่ศาสตราจารย์ผู้นี้บอกว่าที่ฝรั่งเศสนั้น ความยุติธรรมมีอยู่จริง อย่างไรก็ตาม ศาสตราจารย์ Ekovich ระบุว่าการที่อดีตประธานาธิบดี Jacques Chirac ยังคงเป็นหนึ่งในสมาชิกตุลาการศาลรัฐธรรมนูญชุดปัจจุบัน ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในระบบยุติธรรมนั้น อาจสร้างปัญหาได้
ศาสตราจารย์ Steven Ekovich กล่าวว่า การที่อดีตประธานาธิบดี Chirac ถูกตั้งข้อหาไม่ว่าจะคดีอะไรก็ตาม จะทำให้เป็นเรื่องยากแน่นอนที่จะดำรงสถานะภาพการเป็นสมาชิกตุลาการศาลรัฐธรรมนูญไว้ได้
สำหรับนาย Jacques Chirac นั้น มีประวัติถูกกล่าวหาเรื่องการฉ้อราษฎร์บังหลวงหลายต่อหลายครั้ง ตั้งแต่เมื่อครั้งยังดำรงตำแหน่งนายกเทศบาลกรุงปารีส รวมทั้งตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและประธานาธิบดีฝรั่งเศสด้วย