รัฐบาลอิตาลีมีนโยบายจะช่วยให้หนุ่มสาวชาวิตาลี ผู้พ้นจากวัยเรียนแล้ว ผละออกจากอ้อมอกพ่อแม่ เพื่อออกไปหาที่อยู่ของตนเองโดยได้จัดสรรเงิน 2 พันล้านยูโรสำหรับปีงบประมาณใหม่นี้ เพื่อช่วยลด ภาษีให้กับชาวอิตาลีผู้ที่อายุต่ำกว่า 30 ปีให้ออกไปหาที่อยู่ของตนเอง และจะช่วยจ่ายค่าเช่าบ้าน 19 เปอร์เซนต์ ให้กับนักศึกษามหาวิทยาลัยที่ต้องอยู่หอพักไกลบ้านด้วย
ขณะนี้ราว 80 เปอร์เซนต์ของหนุ่มสาวชาวอิตาลีวัยต่ำกว่า 30 ปียังคงเกาะอยู่กับพ่อแม่ และกฏเกณฑ์อายุเฉลี่ยที่ชาวอิตาลีจะโผบินออกไปสร้างรังของตัวเองคือ 36 ปี อย่างไรก็ตามในจำนวนนี้ ผู้ชายอิตาลีมักจะอยู่กับพ่อแม่ หรือ “กินกงสี” มากและนานกว่าผู้หญิง คือ 67 เปอร์เซนต์ เพราะผู้หญิงนั้นส่วนใหญ่พอแต่งงานแล้วก็จะย้ายออกไปอยู่กับสามี
เรื่องนี้ทำให้รัฐบาลอิตาลีเกิดความวิตกกังวล เพราะการที่คนหนุ่มสาววัยทำงานไม่ยอมผละออกจากอ้อมอกพ่อแม่ไปตั้งตัวนั้น นับเป็นอุปสรรคต่อความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ แต่อาจารย์ Franco Ferrarotti แห่งมหาวิทยาลัยกรุงโรมชี้ว่า ปัญหานี้มีความสลับซับซ้อนหลายแง่มุม ทั้งในแง่เศรษฐกิจ สังคม จิตวิทยา และมนุษยวิทยาด้วย
แต่หนุ่มใหญ่วัย 30 ในอิตาลี บอกว่าปัญหาที่แท้จริงของเรื่องนี้ คือคนหางานทำไม่ได้ หรือถ้ามีงานทำ เงินเดือนก็ไม่พอจ่ายค่าเช่าบ้าน และค่าครองชีพอื่นๆ ยิ่งกว่านั้นสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน ทำให้งานประเภทจ้างงานตลอดชีพในอิตาลีค่อยๆ เหือดหายไปทุกที
ตอนนี้เงินเดือนสำหรับหนุ่มสาววัย 25-30 ปีของอิตาลีนั้น ต่ำกว่าในประเทศยุโรปอื่นๆ ราว 50 เปอร์เซนต์ จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมชายอิตาลีวัย 25-30 ปีราว 56 เปอร์เซนต์ ถึงยังอยู่กินกงสี เมื่อเทียบกับ 21 เปอร์เซนต์ในเยอรมนี และ 5 เปอร์เซนต์ในสวีเดน
แต่อาจารย์ Franco Ferrarotti บอกว่าเหตุผลสำคัญยิ่งกว่านั้น ดูเหมือนจะเป็นคุณแม่ชาวอิตาลี เพราะว่าคุณแม่เหล่านี้มักจะรักลูกชายอย่างสุดหัวใจ จนถึงอุทิศตนทำงานต่างๆ ให้ อย่างเช่นช่วยทำอาหาร ซักเสื้อผ้า หรือแม้แต่ปูเตียงนอนเพื่อเอาใจ และดูเหมือนว่าเหตุผลนี้นี่เอง จึงทำให้หนุ่มใหญ่ในอิตาลีทั้งหลาย จึงยังพอใจที่จะซบไออุ่นจากอ้อมอกของคุณพ่อคุณแม่อยู่