“ คนร้ายขึ้นไปชั้นสาม เดินไปเข้าห้องต่างๆ แล้วก็พอถึงห้องหลวงพี่เขาก็ไปงัดเอาตู้เซฟเล็กๆที่ติดไว้กับผนัง แข็งแรงมาก แต่งัดออกมาได้ แล้วก็เอาตู้เซฟใส่ไว้ในกระเป๋าเดินทาง ลงมา ใช้เวลาประมาณ 12 นาที”
พระครูสิริสิทธิวิเทศ หรือ พระมหาเรืองฤทธิ์ พระสงฆ์ที่วัดไทยกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ในเมืองซิลเวอร์ สปริงก์ รัฐแมรีแลนด์ เล่าเหตุการณ์พร้อมกับเปิดภาพวีดิโอวงจรปิดซึ่งบันทึกภาพ 3 คนร้ายที่ก่อเหตุลักลอบขึ้นไปงัด รื้อค้นภายในกุฎิพระสงฆ์ บริเวณชั้น 3 อาคารพักอาศัยของวัด ก่อนจะงัดและขโมยตู้นิรภัยติดผนัง หลบหนีไปพร้อมเงินสด และทรัพย์สินรวมมูลค่าประมาณ 20,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ ราว 7 แสนบาท เมื่อวันที่ 7 เมษายน ที่ผ่านมา
แก๊งโจรรู้ความเคลื่อนไหวในวัด
พระมหาเรืองฤทธิ์ บอกกับ 'วีโอเอไทย' ว่า ปกติทางวัดมีมาตรการรักษาความปลอดภัย และมีการระมัดระวังตัวอยู่ตลอด ทั้งการติดตั้งกล้องวงจรปิด และระบบล็อคประตู ป้องกันบุคคลภายนอก หลังเคยเกิดเหตุคนร้ายพยายามลักทรัพย์มาแล้วเมื่อเดือน ตุลาคม ค.ศ. 2023 ที่ผ่านมา
แต่ในวันเกิดเหตุเป็นช่วงการจัดงานทำบุญที่มีผู้คนมาร่วมงานจำนวนมาก ขณะที่พระสงฆ์ส่วนใหญ่อยู่ระหว่างการปฏิบัติกิจนิมนต์ ทำให้คนร้ายฉวยโอกาสแฝงตัวเข้ามาลักลอบขึ้นไปก่อเหตุ
(คนร้าย) เขารู้ ว่า พระจะไม่สู้ ไม่มีอาวุธ ไม่มีอะไร เพราะฉะนั้นเขาถึงไม่กลัว พูดง่ายๆ คือพระสู้เขาไม่ได้ พระไม่สู้ ไม่ทำร้ายคนพระมหาเรืองฤทธิ์ พระสงฆ์ที่วัดไทยกรุงวอชิงตันดีซี
"วันนั้นเป็นวันที่โยมเข้ามาทำบุญ เราก็เลยเปิดประตูให้คนเข้าออกได้แบบสะดวก เพราะว่ามันมีผู้อาวุโสด้วยก็เลยไม่ได้ล็อคประตู ปกติทางวัดก็จะล็อคประตูตลอด เพราะว่าเราทราบเรื่องนี้ (แก๊งขโมยของวัด) และมีประสบการณ์เมื่อเดือนตุลาคม (พ.ศ.2566) เราก็โดนงัดรอบนึงแล้ว แต่ตอนนั้นเรามาเจอก่อน เขาไม่ได้อะไร เขาวิ่งหนีไป มีคนร้าย 3 คนเหมือนกัน.." พระมหาเรืองฤทธิ์ กล่าว
เจาะจุดอ่อนพระสงฆ์ "พระไม่สู้คน"
.. เขารู้กำหนดการของพระ เขารู้ว่าเวลาสวดมนต์มาสวดพร้อมกัน เวลาฉัน ก็มาฉันพร้อมกัน แล้วก็จะไม่ลุกออกไปดูนั่นนี่ ถ้าเกิดมีอะไรผิดสังเกตุก็จะให้โยมไป พระจะไม่ไปเอง แล้วก็รู้อีกอย่างหนึ่งว่า พระจะไม่สู้ ไม่มีอาวุธ ไม่มีอะไร เพราะฉะนั้นเขาถึงไม่กลัว พูดง่าย ๆ คือพระสู้เขาไม่ได้ พระไม่สู้ ไม่ทำร้ายคน..” พระมหาเรืองฤทธิ์ กล่าวกับวีโอเอไทย
เหตุอาชญากรรมคนร้ายบุกลักทรัพย์ภายในวัดไทยกรุงวอชิงตัน ได้รับความสนใจจากสำนักข่าวท้องถิ่นของสหรัฐฯ หลายแห่ง ที่ติดตามรายงานข่าวอย่างใกล้ชิด จนกลายเป็นที่สนใจของชาวอเมริกันในแถบกรุงวอชิงตันตลอดในช่วงที่ผ่านมา รวมไปถึงเบาะแสการก่อเหตุในลักษณะคล้ายกันกับศาสนสถานอื่น ๆ ในเขตใกล้เคียง เพื่อเตือนภัย และส่งภาพและข้อมูลให้กับทางตำรวจที่กำลังสืบสวนและติดตามคนร้าย
“ตำรวจที่เขาเป็นนักสืบเขาก็มาบอกว่า เป็นแก๊งที่กำลังอาละวาดอยู่ตอนนี้ ที่โดนกันทุกวัด และก็ไปที่มัสยิดของพี่น้องมุสลิม วันที่ 24 มีนาคม บริเวณใกล้เคียงกัน ซึ่งน่าจะเป็นแก๊งเดียวกัน เขาก็เอารูปมาให้ดู”
ร้อยตำรวจเอก มาร์ค เออร์เม (Marc Erme) ผู้อำนวยการกองสืบสวนคดีอาชญากรรม (Director of Criminal Investigations Division) สำนักงานตำรวจ เขตปกครองมอนต์โกเมอรี รัฐแมรีแลนด์ บอกกับวีโอเอไทยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังอยู่ระหว่างการสืบสวนคดีนี้ และได้รับเบาะแสเกี่ยวกับตัวผู้ที่อยู่ในข่ายที่จับตามอง และรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อที่จะเอาผิด
กัปตัน เออร์เม สำนักงานตำรวจมอนต์โกเมอรี เคาท์ตี้ (Montgomery County) เชื่อว่า เหตุอาชญากรรมดังกล่าวไม่ได้มุ่งเฉพาะเจาะจงไปยังสถานที่ หรือคนกลุ่มใดที่หนึ่ง แต่เกิดขึ้นหลายแห่งทั่วสหรัฐฯ โดยพบว่าในจากมอนต์โกเมอรีเคาท์ตี ตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา มีเหตุลักษณะเดียวกันเกิดถึง 6 ครั้ง ในศาสนสถานหลายแห่ง ทั้งโบสถ์ในศาสนาคริสต์ และสถานปฏิบัติศาสนกิจต่าง ๆ
ขณะที่ในระดับประเทศสหรัฐฯ นั้นพบข้อมูลว่า ผู้ก่อเหตุเป็นกลุ่มอาชญากรรมในระดับองค์กรเชื้อสายชาวโรมาเนีย ที่เชี่ยวชาญในการก่อเหตุลักษณะนี้ โดยตระเวนไปทั่วอเมริกา มีเป้าหมายฉวยโอกาสก่อเหตุตามสถาบันทางศาสนาเป็นหลัก โดยตำรวจยังไม่พบว่าเข้าข่ายลักษณะการใช้ความรุนแรง จาก Hate Crime หรืออาชญากรรมจากความเกลียดชังกลุ่มศาสนาใดศาสนาหนึ่ง
ผู้ก่อเหตุเป็นกลุ่มอาชญากรรมในระดับองค์กรเชื้อสายชาวโรมาเนีย ที่เชี่ยวชาญในการก่อเหตุ ตระเวนไปทั่วอเมริกา โดยมีเป้าหมายฉวยโอกาสก่อเหตุตามสถาบันทางศาสนามาร์ค เออร์เม (Marc Erme) ผอ.การกองสืบสวนคดีอาชญากรรม สนง.ตำรวจ มอนต์โกเมอรีเคาท์ตี รัฐแมริแลนด์
ศุภรศรี หรือ แอน แก้วจินดา อาสาสมัคร วัดไทยกรุงวอชิงตันดีซี บอกว่า ได้รับทราบข่าวการก่อเหตุของกลุ่มอาชญากรในลักษณะนี้มานานกับวัดไทยหลายแห่งในพื้นที่หลายรัฐ แต่กลับยังไม่มีการปราบปรามอย่างเด็ดขาดจากผู้รักษากฎหมาย ทำให้กลุ่มคนร้ายที่เชื่อว่าเป็นกลุ่มเดียวกันมีการก่ออาชญากรรมต่อคนในพุทธศาสนาที่รุนแรงมากขึ้นและน่าเป็นห่วงอย่างมาก
“(หากเปรียบเทียบจากเหตุที่เกิดขึ้นกับวัดหลายแห่ง) พบว่ามีความคล้ายคลึงกันค่ะ ไม่ว่าในแง่ของหน้าตา ลักษณะการที่จะเข้ามาปล้น วิธีการ แต่รู้สึกว่าจะพัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆ สิ่งที่น่ากลัวก็คือว่าถึงแม้ตำรวจจะบอกว่า เป็น crime of opportunity (พวกฉวยโอกาส) เป็นการลักเล็กขโมยน้อยธรรมดา แต่เราไม่อยากให้เกิดถึงจุดที่เรียกว่าเป็น hate crime (อาชญากรรมความเกลียดชัง) เราต้องการที่จะเทคแอ็คชั่น ต้องการที่จะระมัดระวัง และป้องกันไม่ให้ถึงจุดนั้น ไม่ต้องการให้ใครเข้ามาทำร้ายพระสงฆ์ หรือ จิตอาสา ที่อยู่ในวัด"
กระแสความกังวลเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินทั้งของพระสงฆ์ และวัดในพุทธศาสนา ของชาวชุมชนไทย เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนในช่วงที่ผ่านมา เมื่อสถานที่ที่เคยเปิดกว้างให้ผู้คนได้เข้ามาแสวงหาความสงบสันติ ในโลกแห่งธรรมะ กลับกลายพื้นที่ที่ต้องคอยหวาดระแวงคนแปลกหน้าและผู้มาเยือน
ข้อมูลจากเครือข่ายพระสงฆ์ในสหรัฐฯ ระบุว่า วัดในพระพุทธศาสนาจำนวนไม่น้อยต่างเคยเผชิญกับการคุกคาม โจรกรรมลักทรัพย์ ลักษณะนี้มาหลายครั้ง จนต้องคอยประกาศเตือนภัย ไปยังวัดต่างๆ ให้เตรียมรับมือ
- ที่มา: วีโอเอ ภาคภาษาไทย
กระดานความเห็น