ลิ้งค์เชื่อมต่อ

'แฮร์ริสัน ฟอร์ด' อำลาบท 'อินเดียน่า โจนส์' ในรอบปฐมทัศน์ 'Dial of Destiny' เทศกาลเมืองคานส์


Harrison Ford receives his Honorary Palme d'Or Award in Cannes Festival (RETUERS)
Harrison Ford receives his Honorary Palme d'Or Award in Cannes Festival (RETUERS)

แฮร์ริสัน ฟอร์ด เจ้าของบทบาท ‘อินเดียน่า โจนส์’ ถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ หลังการฉายรอบปฐมทัศน์ของภาพยนตร์ “Indiana Jones and the Dial of Destiny” ที่เทศกาลภาพยนต์เมืองคานส์​ ประเทศฝรั่งเศสในวันศุกร์ ซึ่งฟอร์ดบอกว่า นี่จะเป็นการสวมบทศาสตราจารย์โบราณคดีนักผจญภัยครั้งสุดท้ายของตน

“Indiana Jones and the Dial of Destiny” หรือที่มีชื่อภาษาไทยว่า “อินเดียน่า โจนส์ กับกงล้อแห่งโชคชะตา” เป็นเรื่องราวการผจญภัยของ ดร. อินเดียน่า โจนส์ นักโบราณคดีที่ชอบตามล่าหาขุมทรัพย์ล้ำค่าจากทั่วโลก ที่ในภาคนี้เขาต้องต่อสู้กับอดีตนักวิทยาศาสตร์ยุคนาซี ที่นำแสดงโดย แมดส์ มิคเคลเซน (Mads Mikkelsen) เพื่อตามหากงล้อโบราณที่จะทำให้สามารถพวกเขาสามารถเดินทางข้ามเวลาได้

สำนักข่าวรอยเตอร์และเอพีรายงานว่า แฮร์ริสัน ฟอร์ด ในวัย 80 ปี ได้รับเสียงปรบมืออย่างกึกก้องจากผู้ชมหลังการฉายรอบปฐมทัศน์ที่เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ถือเป็นการเดินสายโปรโมทหนังและเป็นการอำลาบทบาท อินเดียน่า โจนส์ ที่ทำให้เขาต้องน้ำตารื้นหลายครั้ง

นอกจากนี้ เขายังได้รับรางวัลปาล์มทองคำอันทรงเกียรติ

Harrison Ford receives his Honorary Palme d'Or Award in Cannes Festival (RETUERS)
Harrison Ford receives his Honorary Palme d'Or Award in Cannes Festival (RETUERS)

เมื่อถูกผู้สื่อข่าวถามว่า ทำไมเขาจึงยุติการรับบทอินเดียน่า โจนส์ ฟอร์ดในวัย 80 ปีย้อนถามพร้อมกับรอยยิ้มว่า “ดูไม่ออกเหรอครับ?” และกล่าวว่า “ผมจำเป็นต้องนั่งพักบ้าง ผมรักที่จะทำงาน และผมรักคาแรกเตอร์นี้ ผมรักสิ่งที่ (อินเดียน่า โจนส์) นำเข้ามาในชีวิตผม ผมพูดได้แค่นั้น”

“Indiana Jones and the Dial of Destiny” เป็นภาคที่ห้าของแฟรนไชส์ภาพยนตร์ผจญภัยเรื่องนี้ ที่เริ่มฉายครั้งแรกในปี 1981 ด้วยภาคแรก "Raiders of the Lost Ark" หรือ “ขุมทรัพย์สุดขอบฟ้า” โดยสี่ภาคแรกนั้น มีสตีเวน สปีลเบิร์ก เป็นผู้กำกับ ในขณะที่ภาคล่าสุดนี้ กำกับโดย เจมส์ แมนโกลด์ ที่มีผลงาน Ford vs. Ferrari มาก่อนหน้านี้

ก่อนหน้านี้ “Indiana Jones and the Crystal Skull” ที่ออกฉายในปี 2008 ไม่ประสบความสำเร็จเท่าใดนัก และเกือบจะดับความเป็นไปได้ที่จะสร้างภาคต่อ ซึ่งต่อมา แฮร์ริสัน ฟอร์ดกล่าวว่าเขาต้องการจะเห็นเวอร์ชั่นของ ดร.อินเดียน่า โจนส์ ที่แตกต่างออกไป ให้มีอายุมากขึ้น และอยากให้ตัวละครนี้มีความสัมพันธ์ที่ไม่ใช่ในเชิงชู้สาว แต่เป็นความสัมพันธ์ที่เสมอภาคกัน ซึ่งทำให้ในภาคนี้ เขาได้แสดงร่วมกับ ฟีบี้ วอลเลอร์-บริดจ์ (Phoebe Waller-Bridge) นักแสดงหญิงและนักเขียนบทชาวอังกฤษ ที่โด่งดังจากซีรีย์ทีวี “Fleabag” ที่มารับบทเป็นลูกทูนหัวของอินเดียน่า โจนส์

พล็อตเรื่อง “Indiana Jones and the Dial of Destiny” เกิดขึ้นช่วงคริสต์ทศวรรษที่ 1960 ที่ ศ.อินเดียน่า โจนส์ กำลังเกษียณอายุ ในขณะที่การผจญภัยตามหาขุมสมบัติของเขาดูเหมือนว่าจะไม่มีความหมายอีกต่อไป ในยุคที่อเมริกามุ่งให้ความสำคัญกับภารกิจสำรวจอวกาศ

ในภาคนี้ ได้มีการนำเอาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์​ หรือ เอไอ (Artificial Intelligence – AI) มาช่วยทำให้แฮร์ริสัน ฟอร์ด ดูหนุ่มขึ้นในบางช่วงของหนังอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ฟอร์ด ยังไม่ได้วางมือจากการแสดงเสียทีเดียว เขายังมีซีรีย์ละครทีวีอีก 2 เรื่อง คือ Shrinking และ 1923 และกล่าวว่าเขายังอยากจะทำงานต่อไป เพราะการทำงานเป็นความท้าทายที่เขาต้องการในชีวิต

และถึงแม้จะมีอายุ 80 ปีแล้ว ผู้สื่อข่าวหญิงคนหนึ่งยังเอ่ยปากในงานแถลงข่าวว่า แฮร์ริสัน ฟอร์ด นั้น “ยังฮ็อต” อยู่ และถามถึงวิธีรักษาสุขภาพของเขา ซึ่งทำให้ฟอร์ดหัวเราะ และเล่าว่าเขาชอบปั่นจักรยาน ก่อนจะตบท้ายว่า “ผมโชคดีมากที่เกิดมาก็รูปร่างดีแบบนี้...ขอบคุณนะครับที่สังเกตเห็น”

  • ที่มา: เอพี รอยเตอร์
XS
SM
MD
LG