สื่อต่างประเทศเกาะติดข่าวสะเทือนขวัญของไทย กรณีที่ "แอม" สรารัตน์ รังสิวุฒาภรณ์ ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีการเสียชีวิตของ "ก้อย" ศิริพร ขันวงษ์ ที่จังหวัดราชบุรี เมื่อวันที่ 14 เม.ย. ซึ่งต่อมามีการขยายผลพบว่ามีเหยื่อที่เสียชีวิตด้วยสารพิษลักษณะเดียวกันนี้อีกอย่างน้อย 12 คน ที่อาจมีความเชื่อมโยงกับผู้ต้องหา จนทำให้สังคมมองว่านี่เป็นคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง
รอยเตอร์รายงานว่า "แอม สรารัตน์" วัย 36 ปี ถูกตั้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ขณะที่ตำรวจได้เร่งสืบสวนกรณีอื่น ๆ ที่มีผู้เสียชีวิตจากไซยาไนด์ ที่คาดว่าจะมีความเกี่ยวข้องกัน
โดย พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการปราบปราม คาดว่า แอม สรารัตน์ ได้ไซยาไนด์มาจากร้านของพี่สาว
ซีเอ็นเอ็น รายงานโดยอ้างข้อมูลจาก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บังคับบัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ว่าก่อนเสียชีวิต กล้องวงจรปิดได้บันทึกภาพ ก้อย ศิริพร ผู้เสียชีวิต ในวันที่เธอไปปล่อยปลากับผู้ต้องสงสัยที่ จ.ราชบุรี ก่อนที่ก้อยจะเป็นลมล้มลงและเสียชีวิต ซึ่งผลชันสูตรศพพบร่องรอยของไซยาไนด์ในร่างกาย
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า ผู้หญิงที่ไม่เปิดเผยชื่อได้ให้การกับตำรวจว่าเธอเป็นเหยื่อคนหนึ่งของ แอม สรารัตน์ โดยกล่าวว่าเธอถูกวางยาพิษในปี 2553 แต่ยังสามารถไปโรงพยาบาลให้แพทย์รักษาได้ทัน ก่อนที่แพทย์จะพบไซยาไนด์ในร่างกายของเธอ
รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า ผู้หญิงคนดังกล่าวไม่กล้าที่จะฟ้องหรือดำเนินคดีกับแอมในขณะนั้น ด้วยความเกรงกลัวว่าแอมเป็นภรรยาของนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ แต่เธอตัดสินใจออกมาให้ข้อมูล หลังจากได้ทราบข่าวการเสียชีวิตของคนอื่น ๆ ซึ่งตำรวจเชื่อว่าเหยื่อรายอื่นได้ดื่มหรือรับประทานอาหารกับแอม ก่อนที่พวกเขาจะเสียชีวิต
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ สงสัยว่าแรงจูงใจอาจจะเป็นเรื่องการเงิน โดยเฉพาะปัญหาหนี้สิน เพราะผู้ต้องสงสัยได้ยืมเงินมาจากหลายคน
สื่อออสเตรเลีย News.com.au รายงานว่า มีเหยื่อคนอื่นเสียชีวิตในลักษณะเดียวกัน โดยย้อนไปตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นมา แต่ไม่ได้เปิดเผยรายชื่อของเหยื่อเหล่านั้น และกำลังขยายการสบสวนกรณีของเหยื่อทั้ง 13 รายในห้าจังหวัดของไทย ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ทางตะวันตกของประเทศ
ตำรวจยังกล่าวหา แอม สรารัตน์ ซึ่งกำลังตั้งครรภ์ 4 เดือนว่า แอมรู้จักเหยื่อทั้งหมดและได้ลงมือฆ่า ซึ่งเธอปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด
สื่อของออสเตรเลียนี้ยังรายงานด้วยว่า ปริมาณไซยาไนด์ที่ทำให้ถึงแก่ชีวิตสามารถตรวจพบในศพได้ถึงแม้จะเสียชีวิตไปหลายเดือนแล้ว อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีการฌาปณกิจศพของเหยื่อรายอื่น ๆ กระบวนการรวบรวมหลักฐานจึงยากยิ่งขึ้น
News.com.au รายงานว่าไซยาไนด์มีฤทธิ์ทำให้เซลล์ในร่างกายขาดออกซิเจน ซึ่งอาจนำไปสู่อาการหัวใจวาย เมื่อไซยาไนด์ออกฤทธิ์ จะมีอาการวิงเวียนศรีษะ หายใจไม่ออก และอาเจียน
การใช้ไซยาไนด์นั้นมีการควบคุมอย่างเคร่งครัดในประเทศไทย ผู้ที่มียาพิษนี้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตอาจต้องติดคุกมากถึง 2 ปี
สื่อ อินดิเพนเดนท์ (Independent) ของอังกฤษ ยังรายงานด้วยว่า คดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่ร้ายแรงมากที่สุดคดีหนึ่ง เกิดขึ้นในประเทศไทยเช่นกัน คือคดีที่ ชาร์ลส์ โสภราช ชาวฝรั่งเศสถูกตั้งข้อหาว่าเกี่ยวช้องกับคดีฆาตกรรมเหยื่อ 20 รายในไทย ซึ่งเหยื่อถูกมอมยา ทุบตี ปล้นทรัพย์ และในบางกรณีถูกนำเอาไปเผา
โสภราช ซึ่งได้รับฉายาว่า "ฆาตกรบิกินี" ได้รับการปล่อยตัวเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมาหลังจากที่ถูกจำคุกในเนปาล ในข้อหาฆ่านักท่องเที่ยวแบบแบ็คแพ็ค 2 คน
เรื่องราวของโสภราชถูกนำไปทำเป็นซีรีย์สารคดีในเน็ตฟลิกซ์ เรื่อง The Serpent หรือ "อสรพิษ" เกี่ยวกับการก่ออาชญากรรมของเขา
- ที่มา: รอยเตอร์ ซีเอ็นเอ็น อินดิเพนเดนท์ และ news.com.au