พิธีเปิดตัวการแข่งขันซูเปอร์โบวล์ประจำปีนี้ ของ เนชันแนล ฟุตบอล ลีก (National Football League) หรือ เอ็นเอฟแอล กลับมาจัดอย่างเต็มรูปแบบอีกครั้งเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ณ นครฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนา สถานที่จัดการแข่งขันซูเปอร์โบวล์ครั้งที่ 57 ในวันอาทิตย์นี้
ปกติแล้ว Super Bowl Opening Night จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยมีแฟนฟุตบอลและผู้สื่อข่าวหลายพันคนเดินทางไปติดตามความเคลื่อนไหวและสัมภาษณ์ทีมที่ผ่านเข้าชิงชนะเลิศซูเปอร์โบวล์ เพื่อ "โหมโรง" ก่อนการแข่งขันจริงจะเริ่มขึ้น แต่การจัดงานต้องถูกยกเลิกไปในช่วงสองปีที่ผ่านมาเนื่องจากการระบาดของโควิด-19
ปีนี้ บรรดากองเชียร์ของทีมฟิลาเดลเฟีย อีเกิลส์ (Philadelphia Eagles) แชมป์ของฝั่งเอ็นเอฟซี (NFC) และทีมแคนซัส ซิตี้ ชีฟส์ (Kansas City Chiefs) แชมป์ของเอเอฟซี (AFC) ต่างยกพลไปให้กำลังใจผู้เล่นของตนที่ Footprint Center ในนครฟีนิกซ์ อย่างล้นหลาม และส่งเสียงเชียร์กึกก้องอาคารสนามกีฬาแห่งนี้
เทรวิส เคลซี ผู้เล่นตำแหน่งไทต์เอนด์ของ Kansas City Chiefs กล่าวว่า "บรรยากาศช่างเต็มไปด้วยความตื่นเต้นคึกคัก" และตนชอบทุกอย่างของงานในค่ำคืนนี้ โดยพี่ชายของเทรวิส คือ เจสัน เคลซี จะลงแข่งให้กับทีมคู่ชิง คือ Philadelphia Eagles
ทั้งคู่จะสร้างประวัติศาสตร์เป็นพี่น้องคู่แรกที่ลงแข่งขันกันในรอบชิงแชมป์ซูเปอร์โบวล์อีกด้วย
นอกจากคู่พี่น้องเคลซีที่ต้องมาห้ำหั่นกันเองแล้ว ชาวอเมริกันยังจับตามองควอเตอร์แบ็คของทั้งสองทีมที่สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นควอเตอร์แบ็คเชื้อสายแอฟริกันสองคนแรกที่เข้ามาชิงชัยซูเปอร์โบวล์
แพทริก มาโฮมส์ จอมทัพวัย 27 ปีของ Kansas City Chiefs ซึ่งเคยพาทีมคว้าแชมป์ซูเปอร์โบวล์มาแล้วหนึ่งสมัยเมื่อสามปีก่อน กล่าวว่า "จะเป็นช่วงเวลาพิเศษ และดีใจที่มาถึงจุดนี้ได้"
ส่วน จาเลน เฮิร์ทส ควอเตอร์แบ็คผิวดำวัย 24 ปีของ Philadelphia Eagles ที่ถือเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงในขณะนี้ กล่าวว่า "นี่คือช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์" และตนต้องการ "ถือคบเพลิง" ให้แก่บรรดาผู้ที่เคยมาอยู่ ณ จุดนี้เช่นกัน
สำหรับการแข่งขันซูเปอร์โบว์ลครั้งที่ 57 จะจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ ที่ State Farm Stadium ในเมืองเกลนเดล รัฐแอริโซนา โดยได้ซูเปอร์สตาร์นักร้องหญิง ริฮานนา (Rihanna) มาแสดงในช่วงพักครึ่งเวลา หรือ Half Time Show และเป็นครั้งแรกที่มี Apple Music เป็นผู้สนับสนุนการแสดง Half Time Show แทนบริษัทเครื่องดื่ม Pepsi's ด้วย
- ที่มา: รอยเตอร์