มีอย่างน้อย 22 รัฐในอเมริกาที่ได้ประกาศห้ามใช้แอปพลิเคชันยอดนิยม “ติ๊กตอก” (TikTok) บนอุปกรณ์ของรัฐ หลังจากที่รัฐสภาสหรัฐฯ เพิ่งออกกฎแบนแอปดังกล่าวเพราะกังวลเรื่องความปลอดภัย จากรายงานของสำนักข่าวเอพี
รัฐวิสคอนซิน และนอร์ธ แคโรไลนา เป็นสองรัฐล่าสุดที่ออกมาแบน หลังจากที่ก่อนหน้านี้ รัฐมิสซิสซิปปี อินเดียนา หลุยส์เซียนา และเซาธ์ดาโกตา ได้ออกกฎห้ามไปแล้ว
TikTok เป็นแอปพลิเคชันที่พัฒนาโดย ไบท์แดนซ์ (ByteDance) บริษัทสัญชาติจีนที่ย้ายสำนักงานใหญ่ไปตั้งที่ประเทศสิงคโปร์เมื่อสามปีก่อน ไบท์แดนซ์ ได้ตกเป็นเป้าการโจมตีของผู้ที่มองว่า รัฐบาลจีนสามารถเข้าถึงฐานข้อมูลผู้ใช้ TikTok ของบริษัทได้ เช่น ข้อมูลประวัติการท่องเว็บ (browsing history) และพิกัดของผู้ใช้ ซึ่งทำให้กองทัพสหรัฐฯ ได้ห้ามไม่ให้มีการใช้ TikTok บนอุปกรณ์สื่อสารของกองทัพ
TikTok เป็นสื่อสังคมออนไลน์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเป็นอันดับสองของโลก และมีประมาณสองในสามของวัยรุ่นอเมริกันที่ใช้ TikTok อย่างไรก็ตาม มีความกังวลจากผู้แทนรัฐสภาจากพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันที่มองว่ารัฐบาลกรุงปักกิ่งอาจจะใช้อำนาจทางกฎหมายยึดเอาฐานข้อมูลของผู้ใช้ชาวอเมริกัน หรือจะพยายามผลักดันข้อมูลที่บิดเบือน หรือเนื้อหาที่มีลักษณะเชียร์จีนให้กับผู้ใช้ TikTok
ทำไมรัฐวิสคอนซิน และรัฐนอร์ธ แคโรไลนา ถึงแบน TikTok?
ผู้ว่าการรัฐวิสคอนซินจากพรรคเดโมแครต โทนี เอเวอรส์ (Tony Evers) ให้เหตุผลในการแบนแอป TikTok ว่าตนมีความกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว และความปลอดภัย หลังจากที่ได้ปรึกษากับ สำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ หรือ เอฟบีไอ (Federal Bureau of Investigation - FBI) และเจ้าหน้าที่จัดการเหตุฉุกเฉินคนอื่น ๆ
คำสั่งห้ามใช้ TikTok ของผู้ว่าการรัฐวิสคอนซิน มีผลบังคับใช้กับหน่วยงานของรัฐแทบทั้งหมด ยกเว้นบางหน่วยงาน เช่น เจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนอาชญากรรม ที่อาจจะต้องใช้โซเชียลมีเดียในการติดตามผู้ต้องสงสัยบางคน
ระบบของมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน ซึ่งมีอาจารย์และลูกจ้างประมาณ 40,000 คน ได้รับการยกเว้นจากคำสั่งของผู้ว่าการรัฐดังกล่าวเช่นกัน แต่โฆษกของระบบของมหาวิทยาลัยกล่าวว่า ถึงแม้ว่าจะได้รับการยกเว้น มหาวิทยาลัยจะทำการตรวจสอบด้วยตนเอง และจะให้มีการจำกัดการใช้ TikTok เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสี่ยงด้านไซเบอร์
ผู้ว่าการรัฐวิสคอนซิน และผู้ว่าการรัฐนอร์ธ แคโรไลนา รอย คูเปอร์ (Roy Cooper) ยังได้ห้ามไม่ให้มีการใช้ WeChat แอปพลิชันสำหรับส่งข้อความออนไลน์ของจีนอีกด้วย
คูเปอร์กล่าวว่า “เป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องปกป้องเทคโนโลยีสารสนเทศของรัฐจากการรุกรานของต่างชาติที่มีประวัติในการโจมตีทางไซเบอร์ต่อสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง” และยังกล่าวด้วยว่า “การปกป้องรัฐนอร์ธ แคโรไลนาจากภัยทางออนไลน์เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งยวด เพื่อให้แน่ใจว่าเราจะรักษาความปลอดภัย ความเป็นส่วนตัว ความสำเร็จของรัฐ และประชาชนของเรา”
ความกังวลเกี่ยวกับ TikTok คืออะไร?
ทั้ง เอฟบีไอ และคณะกรรมการกลางกำกับดูแลกิจการสื่อสาร หรือ เอฟซีซี (Federal Communications Commission - FCC) ได้เคยออกมาเตือนว่าบริษัท ไบท์แดนซ์ อาจจะแชร์ข้อมูลกับรัฐบาลจีน เจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ ยังกังวลด้วยว่ารัฐบาลจีนจะใช้ TikTok ในการผลักดันข้อมูลที่บิดเบือน หรือเนื้อหาที่มีลักษณะเชียร์จีนให้กับผู้ใช้ TikTok
ความกังวลดังกล่าวยิ่งเพิ่มมากขึ้นหลังจากที่มีรายงานข่าวเมื่อปีก่อนว่า ทีมงานของไบท์แดนซ์ ที่สำนักงานประเทศจีน ได้เข้าถึงข้อมูลผู้ใช้ TikTok ชาวอเมริกันอย่างไม่เหมาะสม รวมทั้งผู้ใช้ที่เป็นผู้สื่อข่าวสองคน ซึ่งปฏิบัติการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของโครงการแอบติดตามสอดส่อง เพื่อที่จะค้นหาว่าใครเป็นผู้ลักลอบแอบส่งข้อมูลบางอย่างให้กับสื่อมวลชน
นอกจากนั้น ยังมีความกังวลว่าไบท์แดนซ์จะส่งข้อมูลผู้ใช้จำนวนมหาศาลให้กับจีน ซึ่งเป็นการทำผิดกฎการรักษาความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ของกลุ่มประเทศยุโรป และเนื้อหาใน TikTok อาจมีผลเสียต่อสุขภาพจิตของวัยรุ่น
ใครเป็นผู้ผลักดันให้แบน TikTok?
ในปี 2020 โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีในขณะนั้นและเจ้าหน้าที่รัฐบาลได้หาทางที่จะห้ามไม่ให้มีการทำธุรกิจกับ ไบท์แดนซ์ และได้บังคับให้บริษัทเจ้าของ TikTok ขายสินทรัพย์ในสหรัฐฯ อีกทั้งสั่งให้นำเอา TikTok ออกจากร้านค้าแอปพลิเคชันออนไลน์ หรือ app store ต่าง ๆ
ศาลสหรัฐฯ ได้สกัดความพยายามของทรัมป์ที่จะแบน TikTok ต่อมาประธานาธิบดี โจ ไบเดน ได้ยกเลิกคำสั่งของทรัมป์ แต่ได้มีคำสั่งให้มีการศึกษาลงลึกถึงปัญหาดังกล่าว ทำให้แผนการที่จะขายสินทรัพย์ของ TikTok ในสหรัฐฯ ต้องถูกระงับไป
ความกังวลเกี่ยวกับ TikTok ในรัฐสภาสหรัฐฯ นั้นเป็นความกังวลที่สมาชิกสภาจากทั้งสองพรรคมีร่วมกัน และทำให้ในเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา รัฐสภาสหรัฐฯ ได้แบน TikTok จากอุปกรณ์แทบทั้งหมดของรัฐบาลสหรัฐฯ
TikTok ตอบโต้อย่างไรบ้าง?
จามาล บราวน์ โฆษกของ TikTok กล่าวผ่านทางอีเมล์ต่อสำนักข่าวเอพีว่า “เรารู้สึกผิดหวังที่หลาย ๆ รัฐ ได้กระโจนเข้าร่วมการตัดสินใจทางการเมืองนี้ และใช้นโยบายที่ไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์อะไรต่อการสร้างความปลอดภัยทางออนไลน์ในรัฐของพวกเขา และยังเป็นนโยบายที่มีพื้นฐานจากความเชื่อผิด ๆ ที่ไม่มีหลักฐานอ้างอิงใด ๆ เกี่ยวกับ TikTok อีกด้วย”
นอกจากนี้ TikTok ยังอยู่ในระหว่างการพัฒนาแผนความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของข้อมูล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการตอบสนองการตรวจสอบความปลอดภัยระดับชาติของรัฐบาลประธานาธิบดี โจ ไบเดน