ประธานาธิบดียูเครนและรัสเซีย ต่างเรียกขวัญกำลังใจเหล่าทหารของตนในวันอังคาร หลังจากทั้งสองประเทศสู้รบกันมาถึง 300 วันแล้ว
ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน เดินทางเยือนบาคห์มุต ที่กองทัพของยูเครนและรัสเซียปะทะกันอย่างดุเดือด ผู้นำยูเครนได้พบกับเหล่าทหารในอาคารที่แสงไฟริบหรี่ เมื่อวันอังคาร และให้ยกย่องเหล่าทหารยูเครนผู้กล้าหาญและแข็งแกร่ง โดยมีเสียงปืนใหญ่ดังอยู่เบื้องหลัง
ผู้นำยูเครนกล่าวด้วยว่า บาคห์มุต ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงเคียฟเมืองหลวงราว 600 กิโลเมตร คือพื้นที่แนวหน้าที่ดุเดือดที่สุด แต่ยังอยู่ในการควบคุมของยูเครน โดยระบุผ่านทางเทเลแกรมว่า “ป้อมปราการบาคห์มุต ผู้คนของเรา ผู้ไม่พ่ายแพ้ให้กับศัตรู ผู้ที่มีความกล้าหาญในการพิสูจน์ว่าเราจะยังอยู่ และจะไม่ยอมยกสิ่งที่เป็นของเราให้กับผู้ใด” ขณะที่ยังไม่ทราบแน่ชัดว่า ผู้นำยูเครนเดินทางไปเยือนบาคห์มุตได้อย่างไร
ฝั่งประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย กล่าวในวันเดียวกันที่กรุงมอสโก ในพิธีมอบรางวัลผู้ที่ทางการรัสเซียแต่งตั้งให้ดูแล 4 เขตปกครองในยูเครนที่รัสเซียผนวกเป็นส่วนหนึ่งโดยผิดกฎหมาย ยกย่องกองทัพรัสเซียผู้กล้าหาญที่กำลังสู้รบอยู่ในยูเครน
ผู้นำรัสเซียกล่าวว่า “ประเทศของเราเผชิญกับความท้าทายและต้องปกป้องอธิปไตยอยู่บ่อยครั้ง” และว่า “ตอนนี้ รัสเซียกำลังเผชิญกับความท้าทายเช่นนี้อีกครั้ง เหล่าทหาร เจ้าหน้าที่ และอาสาสมัครทั้งหลาย กำลังเป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมของความกล้าหาญในการต้านทานการสู้รบที่แนวหน้า”
อีกด้านหนึ่ง ทางการอังกฤษได้ประเมินสถานการณ์การสู้รบว่าจะดำเนินไปอย่างไรสำหรับรัสเซีย โดยรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมอังกฤษ เบน วอลเลซ กล่าวว่า ทหารรัสเซียราว 100,000 คน “เสียชีวิต บาดเจ็บ หรือถูกละทิ้ง” นับตั้งแต่การรุกรานเกิดขึ้น แต่ไม่ระบุตัวเลขทหารที่เสียชีวิตที่ชัดเจน ฝั่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองทัพสหรัฐฯ ระบุว่า มีทหารยูเครนราว 100,000 นายเสียชีวิตและบาดเจ็บจากสงครามความขัดแย้งนี้
ผ่านพ้นมากว่า 300 วันหลังสงคราม กระทรวงกลาโหมอังกฤษ ทวีตว่า ยูเครนปลดปล่อยดินแดนที่รัสเซียยึดครองไปได้ 54% ขณะที่รัสเซียยึดครองพื้นที่ 18% รวมถึงแคว้นดอนบาสและไครเมียในยูเครน
- เนื้อหาบางส่วนจากเอพี เอเอฟพี และรอยเตอร์