สหรัฐฯ ส่งเครื่องบินทิ้งระเบิด บี-52 ที่สามารถติดหัวรบนิวเคลียร์ได้ และเครื่องบินรบไอพ่น เอฟ-22 บินเหนือน่านฟ้าใกล้กับเกาหลีใต้ในวันอังคาร โดยมีเครื่องบินรบไอพ่นของเกาหลีใต้ เอฟ-35เอ และ เอฟ-15เค เข้าร่วมในปฏิบัติการครั้งนี้ด้วย
กระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้เปิดเผยว่า เครื่องบินของสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ ร่วมซ้อมปฏิบัติการทางทหารที่เรียกว่า "การขยายการป้องปราม" ต่อเกาหลีเหนือ ซึ่งจัดขึ้นในเขตแสดงตนเพื่อการป้องกันตนเองทางอากาศของเกาหลีใต้ ทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะเจจู
ถือเป็นการแสดงแสนยานุภาพทางการทหารครั้งล่าสุดของชาติพันธมิตรสองประเทศนี้ เพื่อตอบโต้ต่อท่าทีคุกคามและการทดสอบขีปนาวุธของเกาหลีเหนือที่มีจำนวนครั้งมากที่สุดในปีนี้
เมื่อเดือนที่แล้ว เจ้าหน้าที่ทหารของสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ บรรลุความตกลงเพิ่มศักยภาพของสหรัฐฯ ในการร่วมปกป้องด้านความปลอดภัยต่อเกาหลีใต้ รวมถึงการเพิ่มปฏิบัติการซ้อมรบร่วมกันและประจำการยุทโธปกรณ์ด้านยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ ในเกาหลีใต้ รวมถึง เครื่องบินทิ้งระเบิดพิสัยไกล และเรือบรรทุกเครื่องบิน
ในแถลงการณ์เมื่อวันอังคาร กระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ระบุถึงความตกลงดังกล่าวว่า "สหรัฐฯ และเกาหลีใต้จะยังคงเพิ่มปฏิบัติการทางทหารร่วมกัน เพื่อตอบโต้ต่อภัยคุกคามด้านนิวเคลียร์และขีปนาวุธจากเกาหลีเหนือ"
เมื่อต้นสัปดาห์นี้ เกาหลีเหนือเพิ่งทดสอบยิงขีปนาวุธวิถีโค้งพิสัยกลางสองลูก ซึ่งระบุว่าเป็นส่วนหนึ่งของ "การทดสอบขั้นสุดท้ายครั้งสำคัญ" ซึ่งจะทำให้กรุงเปียงยางสามารถส่งดาวเทียมสอดแนมดวงแรกขึ้นไปโคจรรอบโลกได้ในเร็ววันนี้
สื่อของทางการเกาหลีเหนือยังได้เผยแพร่รูปภาพประกอบรายงานการทดสอบขีปนาวุธดังกล่าว แสดงให้เห็นภาพขาวดำความละเอียดต่ำของกรุงโซลและเมืองอินชอนในเกาหลีใต้ พร้อมระบุว่าเป็นภาพที่ถ่ายจากดาวเทียมตัวอย่างซึ่งถูกนำมาใช้ในการทดสอบครั้งนี้
สื่อแห่งนี้ยังระบุในรายงานด้วยว่า การทดสอบที่เกิดขึ้นมีจุดประสงค์ที่จะ “ประเมินความสามารถของการถ่ายภาพด้วยดาวเทียม และระบบส่งถ่ายข้อมูล และระบบควบคุมภาคพื้นดินด้วย” และว่า การเตรียมการสำหรับดาวเทียมสอดแนมนั้นจะเสร็จสมบูรณ์ภายในเดือนเมษายนของปีหน้า โดยอ้างข้อมูลจากสำนักงานพัฒนากิจการด้านอวกาศแห่งชาติของเกาหลีเหนือ
เดฟ ชเมร์เลอร์ นักวิจัยอาวุโสจาก James Martin Center for Nonproliferation Studies ในกรุงวอชิงตัน ให้ความเห็นว่า ความละเอียดของภาพถ่ายดาวเทียมดังกล่าวนั้นต่ำกว่าภาพถ่ายดาวเทียมเชิงพาณิชย์ที่มีอยู่ทั่ว ๆ ไป แต่นี่ก็เป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่า เกาหลีเหนือนั้นกำลังดำเนินโครงการพัฒนาในด้านนี้อยู่แน่ ๆ
และในวันอังคาร คิม โย จอง เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเกาหลีเหนือ และน้องสาวของผู้นำสูงสุด คิม จอง อึน เผยแพร่บทบรรณาธิการที่กล่าวโจมตีนักวิเคราะห์เกาหลีใต้ที่ตั้งคำถามถึงความก้าวหน้าของโครงการดาวเทียมสอดแนมของเกาหลีเหนือ โดยเปรียบบรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารเหล่านั้นเป็น "นกกระจอกที่พูดไม่หยุด" "อันธพาลทางการทหาร" และ "ผู้เชี่ยวชาญหุ่นเชิด" รวมทั้งอ้างว่า เกาหลีเหนือสามารถถ่ายภาพดาวเทียมที่มีความละเอียดสูงได้ทันทีหากต้องการ
คิม โย จอง กล่าวด้วยว่า เร็ว ๆ นี้เกาหลีเหนืออาจทดสอบยิงขีปนาวุธพิสัยไกลในวิถีโคจรแบบปกติซึ่งต่างจากที่เคยทดสอบมาครั้งก่อน ๆ ที่มักเป็นแบบวิถีโค้งชันเพื่อหลีกเลี่ยงการบินต่ำผ่านประเทศเพื่อนบ้าน
ทั้งนี้ วิถีการโคจรแบบปกตินั้นอาจถือเป็นการยั่วยุมากกว่าเดิมเพราะอาจมีทิศทางที่มุ่งไปยังดินแดนของสหรัฐฯ โดยตรง และยังอาจเป็นการแสดงให้เห็นว่า กรุงเปียงยางได้พัฒนาเทคโนโลยีด้านขีปนาวุธก้าวหน้าไปอีกขั้น ซึ่งรวมถึงการพัฒนาจรวดที่สามารถบรรจุหัวรบนิวเคลียร์โจมตีเป้าหมายระยะไกลด้วย
- ที่มา: วีโอเอ