นอกจากจั๊กจั่นงวงแดงลายจุดที่รุกรานอยู่ในอเมริกาเหนือแล้ว ตอนนี้ยังมีสัตว์อีกชนิดหนึ่งซึ่งมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น นั่นก็คือ Asian jumping worm หรือไส้เดือนกระโดดได้สายพันธุ์เอเชีย
Asian jumping worm หรือ ไส้เดือนกระโดดพันธุ์เอเชีย มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Amynthas agrestis และยังเป็นที่รู้จักในชื่อ "Alabama jumper " "Jersey wriggler" และ "crazy worm" พวกมันมีลักษณะที่ต่างจากไส้เดือนในอเมริกาเหนือทั่วไป เพราะจะเคลื่อนที่ได้รวดเร็วกว่า และกินฮิวมัส หรือดินดำที่เกิดจากการสลายตัวของพืชและสัตว์ในปริมาณมาก ๆ อีกด้วย
ฮิวมัสเป็นดินชั้นบนที่อุดมสมบูรณ์ ปลอดสาร และมีความสำคัญต่อระบบนิเวศมากมาย ดังนั้นสิ่งมีชีวิตในดินทุกชนิดจึงต้องการฮิวมัส
ทั้งนี้ พืชและสิ่งมีชีวิตในดินอื่น ๆ จะไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้หากปราศจากฮิวมัสซึ่งเป็นอาหารโปรดของไส้เดือนกระโดดพันธุ์เอเชียด้วย
ซูซาน ฟาร์เมอร์ (Susan Farmer) จาก United States Forest Service เขียนในรายงานที่ตีพิมพ์ในเดือนพฤษภาคมว่า ไส้เดือนเหล่านี้สามารถกินฮิวมัสจนหมดไปได้ นอกจากนี้การที่ฮิวมัสลดลงยังส่งผลกระทบต่อนกและสัตว์อื่น ๆ ที่ต้องกินแมลงที่อาศัยอยู่ในดินเป็นอาหาร
นายแพทย์ทิโมธี แมคเคย์ (Timothy McCay) ศาสตราจารย์ด้านชีววิทยาและสิ่งแวดล้อมที่มหาวิทยาลัยคอลเกต ในเมืองแฮมิลตัน รัฐนิวยอร์ก กล่าวว่า ไส้เดือนกระโดดพันธุ์เอเชียมีถิ่นกำเนิดอยู่ในแถบเอเชียตะวันออก และเอเชียกลาง เชื่อกันว่าพวกมันเข้ามาในสหรัฐฯ ในช่วงปลายทศวรรษ 1800 พร้อมกับต้นไม้ที่ถูกขนส่งเข้ามาในประเทศ
จากนั้นพวกมันเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น หรือเป็นไปได้ว่าอาจไม่ได้รับรายงาน แต่ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์เริ่มลงความเห็นว่า ไส้เดือนกระโดดพันธุ์เอเชียเหล่านี้เป็นสิ่งที่สร้างปัญหา
มีการยืนยันแล้วว่าประชากรไส้เดือนกระโดดพันธุ์เอเชียนั้นมีอยู่ใน 35 รัฐทั่วสหรัฐฯ และแม้ว่าวงจรชีวิตประจำปีของพวกมันจะสิ้นสุดลงในฤดูหนาว แต่รังไหมของพวกมันจะสามารถอยู่รอดได้สำหรับหนอนรุ่นต่อไปที่จะเกิดใหม่ในฤดูใบไม้ผลิ แมคเคย์กล่าวว่า ไข่ขนาดเล็กของพวกมันแทบจะมองไม่เห็นในดิน แต่ตัวไส้เดือนที่โตเต็มวัยซึ่งมีความยาวประมาณ 8 ถึง 20 เซนติเมตรนั้น สามารถมองเห็นได้ง่ายบนพื้นดิน
ทั้งนี้ ไส้เดือนที่มีลักษณะเป็นมันเงานี้อาจเป็นสีเทาหรือสีน้ำตาลก็ได้ โดยจะมีเส้นหนา ๆ สีขาวหรือสีเทาอ่อนวนรอบลำตัวส่วนหนึ่งของพวกมัน เมื่อถูกสัมผัส พวกมันจะเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วจากด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่ง กระโดด และพวกมันอาจเคลื่อนที่ไปมาเหมือนกับงู
แมคเคย์กล่าวว่า พฤติกรรมดังกล่าวนี้ควบคู่ไปกับความสามารถในการสืบพันธุ์โดยไม่ที่ต้องผสมพันธุ์ ทำให้พวกมันมีจำนวนมากกว่าสัตว์ที่กินพวกมันเป็นอาหารได้
แมคเคย์กล่าวอีกว่า "ชาวสวนควรหาวิธีหลีกเลี่ยงการแพร่กระจายไปยังพื้นที่ใหม่ ๆ ของไส้เดือนกระโดดพันธุ์เอเชีย" เนื่องจากพวกมันมักจะย้ายเข้าไปอยู่ในป่าจากสวนที่อยู่ใกล้เคียง และว่าการควบคุมดูแลสวนในบ้านและของชุมชนอย่างดีมีความจำเป็นในการช่วยชะลอการบุกรุกเข้าไปในพื้นที่ธรรมชาติของไส้เดือนชนิดนี้ได้
ดังนั้นในฤดูกาลแบ่งและเปลี่ยนพืชนี้ ชาวสวนจึงต้องใส่ใจโดยการมองหามูลของของไส้เดือนตามรากพืชและดินที่อยู่ในบริเวณรอบ ๆ นอกจากนี้ แมคเคย์ยังแนะนำว่าอย่านำดินจากสวนที่ติดเชื้อเข้าไปในป่าที่อยู่ใกล้เคียง ให้นำไปเฉพาะดินที่สะอาดเท่านั้น
และแม้ยังไม่มีมาตรการควบคุมที่ดีสำหรับประชากรไส้เดือนกระโดดพันธุ์เอเชียนี้ แต่แมคเคย์กล่าวว่าการใช้มือจับออกไปใส่ลงในภาชนะที่มีน้ำส้มสายชูอยู่จะช่วยลดจำนวนลงได้
- ที่มา: รอยเตอร์