สหรัฐฯ เผชิญกับยอดติดเชื้อโควิด-19 พุ่งสูงขึ้น จากโควิดสายพันธุ์ย่อย BA.5 ที่พบระบาด 80% ของผู้ติดเชื้อใหม่ในประเทศ ตามข้อมูลของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐฯ หรือ ซีดีซี ตามมาด้วยการพบติดโควิด-19 ของประธานาธิบดีโจ ไบเดน เมื่อวันพฤหัสบดี โดยมีการอ่อนล้า น้ำมูกไหล และไอแห้ง ซึ่งนับเป็นอาการที่ไม่รุนแรงของโควิด-19 แม้ว่าผู้นำสหรัฐฯ จะเข้ารับวัคซีนโควิดครบสองโดส พ่วงด้วยวัคซีนกระตุ้นภูมิ หรือ บูสเตอร์ อีกสองเข็มก็ตาม
ทั้งหมดนี้นำไปสู่คำถามที่ว่า วัคซีนบูสเตอร์ ยังจำเป็นอยู่หรือไม่ ท่ามกลางการระบาดหนักของโควิดสายพันธุ์ย่อยที่ติดง่ายแต่อาการไม่รุนแรงในหมู่ผู้เข้ารับวัคซีน?
ประเด็นนี้ ทางซีดีซี ชี้ว่า หลายคนที่เข้ารับวัคซีนหรือติดเชื้อมาก่อน มีโอกาสจะติดโควิด-19 ได้ทั้งนั้น และแนะให้เข้ารับวัคซีนให้ครบโดส และเข้ารับวัคซีนบูสเตอร์อีกหนึ่งเข็มหลังจากฉีดครบสองเข็มในระยะ 5 เดือน ส่วนผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป ควรเข้ารับวัคซีนบูสเตอร์เข็มสองได้
อย่างไรก็ตาม ซีดีซี ระบุว่า ชาวอเมริกันวัยผู้ใหญ่เพียงครึ่งหนึ่งที่เข้ารับวัคซีนบูสเตอร์ และ 28% ที่รับวัคซีนบูสเตอร์เข็มสอง ทำให้ตอนนี้มีประชากรหลายล้านคนในอเมริกาที่ตกอยู่ในความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิดกลายพันธุ์
เดวิด กราโบวสกี อาจารย์ด้านนโยบายสาธารณสุข แห่ง Harvard Medical School ให้ทัศนะกับวีโอเอาว่า เป็นเรื่องที่น่ากังวลที่หลายคนที่เข้าข่ายต้องรับวัคซีนบูสเตอร์เลือกที่จะไม่ฉีดวัคซีน ทั้งที่มีวิจัยที่แสดงถึงประสิทธิภาพของวัคซีนบูสเตอร์ต่อโควิด-19 ก็ตาม และว่าผู้คนจำนวนหนึ่งไม่เห็นความจำเป็นในการเข้ารับวัคซีนบูสเตอร์ แม้ว่าวัคซีนจะมีเพียงพอและเข้าถึงได้ง่าย
ด้าน นพ.วิลเลียม แชฟเนอร์ อาจารย์ด้านโรคติดเชื้อ จาก Vanderbilt University School of Medicine มองว่า ผู้คนเกิดความเหนื่อยหน่ายกับการระบาดของโควิด-19 และต้องการกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ
ทีน่า รันแยน อาจารย์ด้านสาธารณสุขชุมชน จาก University of Massachusetts Medical School ให้ความเห็นว่า ตอนนี้มีแนวคิดหนึ่งในหมู่ชาวอเมริกัน ที่มองว่า โควิดสายพันธุ์ย่อยเป็นเชื้อที่แพร่กันได้ง่าย และผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์ย่อย BA.5 จะมีอาการเล็กน้อยในหมู่ผู้ที่ได้รับวัคซีนแล้ว จึงไม่เห็นความจำเป็นในการเข้ารับวัคซีนบูสเตอร์
อีกด้านหนึ่ง ข่าวการพัฒนาวัคซีนใหม่ที่พุ่งเป้าไปยังโควิดกลายพันธุ์ BA.4 และ BA.5 เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ชาวอเมริกันบางส่วนชะลอการเข้ารับวัคซีนบูสเตอร์เช่นกัน
ประเด็นนี้ แครี อัลธอฟฟ์ อาจารย์ด้านการระบาดวิทยา จาก Johns Hopkins Bloomberg School of Public Health ในรัฐแมริแลนด์ ที่เห็นว่า เราต้องเริ่มคิดถึงการพัฒนาบูสเตอร์ที่ฉีดได้ประจำทุกปีเพื่อป้องกันตัวเองและผู้อื่นจากโควิด-19
ด้าน นพ.แชฟเนอร์ เสนอว่า การให้ข้อมูลเรื่องวัคซีนแก่ประชาชนเป็นเรื่องสำคัญ เพราะเจ้าหน้าที่สาธารณสุขไม่ได้สื่อสารอย่างชัดเจนว่าควรเข้ารับวัคซีนบูสเตอร์และควรย้ำกับประชาชนว่านี่เป็นขั้นตอนที่สำคัญ
- ที่มา: วีโอเอ