ลิ้งค์เชื่อมต่อ

เเคมเปญใหม่! เกาะกระแส ‘ท็อปกัน’ - ชวนคนร่วมงานกองทัพสหรัฐฯหน้าโรงหนัง


Cubic Awarded United States Air Force Contract for P5 Combat Training Security Update
Cubic Awarded United States Air Force Contract for P5 Combat Training Security Update

เจ้าหน้าที่รับสมัครทหารสหรัฐฯ งัดกลยุทธ์ใหม่ด้วยการเกาะกระแสภาพยนตร์ชื่อดัง ‘ท็อปกัน มาเวอริค’ ที่ ทอม ครูซ รับบทเป็นนักบินขับไล่ของกองทัพเรือที่เก่งกาจ โดยทำการตั้งโต๊ะรับสมัครหน้าโรงภายนตร์เพื่อดึงดูดให้คนรุ่นใหม่ที่รู้สึกฮึกเหิมและตื่นเต้นจากการดูภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งกองทัพสหรัฐฯ

พลตรี เอ็ดเวิร์ด โธมัส หัวหน้าด้านการรับสมัครทหารใหม่แห่งกองทัพทหารอากาศสหรัฐฯ ​เล่าย้อนให้ฟังว่า “ตอนที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ภาคต้นฉบับเปิดตัวครั้ง (ในปี 1986) กองทัพเรือและกองทัพทหารอากาศได้รับใบสมัครทหารหน้าใหม่เข้ามาเป็นจำนวนมาก …เราจึงอยากเห็นคนกลับมาตื่นเต้นอีกครั้งกับการปฏิบัติหน้าที่ที่พวกเราทำ ไม่ว่าจะอยากมา [ร่วมงานการบินหรือสนใจกองทัพเรือ]”

สำนักข่าวเอพีอธิบายว่า เหตุผลหลายข้อ ๆ ทำเจ้าหน้าที่เหล่านี้ต้องนำวิธีข้างต้นมาใช้ มีเรื่องการระบาดของโคโรนาไวรัสทำหน้าเจ้าหน้าที่ไม่สามารถไปพบเจอและเชิญชวนผู้ที่สนใจตามสถานที่ต่าง ๆ ได้ อัตราการว่างงานที่ต่ำในปัจจุบัน การตัดสินใจทำงานกับบริษัทเอกชนของคนรุ่นใหม่ที่เงินเดือนอาจสูงกว่าการเข้าร่วมกองทัพสหรัฐฯ และความยากที่ผู้สมัครต้องผ่านการทดสอบด้านร่างกาย จิตใจ และจริยธรรม ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ยอดผู้สมัครเข้ากองทัพทุกภาคส่วนของสหรัฐฯ ลดลงไป

เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา กองทัพบกสหรัฐฯ ประกาศว่า หากการจ้างทหารรุ่นใหม่เข้ามายังเต็มไปด้วยความยากลำบาก ทางการจะต้องตัดลดจำนวนของทหารในกองทัพบกทั้งหมดในระยะเวลาอีกสองปีข้างหน้า และสิ่งที่อาจเกิดขึ้นตามมาในอนาคต คือ อุปสรรคในการปกป้องประเทศ

พลเอก โจเซฟ มาติน รองเสนาธิการทหารบก ประเมินว่า กองทัพบกจะมีทหารทั้งหมดจำนวน 466,400 นายในปีนี้ ต่ำกว่า 476,000 ที่คาดการณ์ไว้ และภายในสิ้นปีหน้า ทางกองทัพบกอาจมีทหารระหว่าง 445,000 ถึง 452,000 นาย ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับผลสำเร็จของการดึงดูดทหารรุ่นใหม่และการโน้วน้าวให้ทหารที่อยู่ในกองทัพปฏิบัติหน้าที่ต่อ

ขณะนี้ เหลือเวลาเพียงแค่สองเดือนเศษเท่านั้นก่อนที่จะสิ้นสุดปีงบประมาณของสหรัฐฯในวันที่ 30 กันยายน

ทางกองทัพบกสามารถดึงดูดผู้สมัครหน้าใหม่ได้เพียง 50% ของเป้าทหาร 60,000 นายที่ตั้งไว้ สำนักข่าวเอพีจึงประเมินว่าเมื่อมาถึงวันที่ 1 ตุลาคม ทางกองทัพบกจะพลาดเป้าที่ตั้งไว้ถึง 25% เลยทีเดียว

A soldier is fed snake blood during the Cobra Gold multilateral military exercise in Chanthaburi, Thailand, February 14, 2019.
A soldier is fed snake blood during the Cobra Gold multilateral military exercise in Chanthaburi, Thailand, February 14, 2019.

และแม้สถานการณ์การจ้างทหารใหม่ของกองทัพอากาศ กองทัพเรือและเหล่านาวิกโยธินสหรัฐฯ นั้นจะไม่แย่เท่าทางกองทัพบก เหล่าผู้บังคับบัญชาการของกองกำลังเหล่านั้นต่างหวังว่าจะสามารถรับคนเข้ามาใหม่ได้ตามเป้าหมายหรือต่ำกว่าเป้าหมายเล็กน้อยในปีนี้

กองทัพอากาศระบุว่า เมื่อเริ่มปีแต่ละปี ทางกองทัพอากาศมักจะบรรลุเป้าทหารใหม่ที่เข้ามาสมัครราว 25% ของยอดทั้งหมด แต่ปีนี้คิดว่าจะได้เพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้น ทางด้านกองทัพเรือและเหล่านาวิกโยธินสหรัฐฯนั้น สามารถดึงดูดคนให้เข้ามาสมัครได้ 50% ของเป้าหมายที่ตั้งไว้ และคาดว่าในที่สุด จะต้องลดเป้าที่ประเมินไว้ลงมาเช่นกัน

เพราะเหตุนี้ ผู้รับสมัครจึงพยายามยื่นข้อเสนอที่น่าสนใจที่เพื่อดึงดูดคนเข้ามาเช่น เงินบำเหน็จหรือโบนัสที่ก้อนใหญ่ขึ้น

ถือเป็นครั้งแรกในรอบสิบปีที่กองทัพอากาศสหรัฐฯ ได้อนุมัติเงินโบนัสเพิ่มเติมถึงสองรอบในปีงบประมาณเดียวกัน โดยเมื่อเดือนตุลาคมในปีที่แล้ว กองทัพอากาศได้รับการจัดสรรงบเงินโบนัสเพื่อดึงดูดทหารหน้าใหม่ทั้งสิ้นจำนวน 17.5 ล้านดอลลาร์ แต่พอมาถึงต้นเดือนเมษายนปีนี้ ทางกองทัพอากาศกลับทำการอนุมัติเพิ่มจำนวนเงินอีก 14 ล้านดอลลาร์ และอีกสามเดือนหลังจากนั้น ก็เพิ่มงบขึ้นอีก 7 ล้านดอลลาร์ด้วย

หรือการผ่อนปรนคุณสมบัติในตัวผู้สมัครบางประการลงเพื่อให้คนที่เคยสมัครแต่ไม่ผ่านเกณฑ์มีโอกาสเข้าร่วมได้ เช่น กองทัพเรือมีการอนุโลมให้เข้าร่วม หากผู้สมัครมีการใช้กัญชามาก่อนหรือทำการสักบางบริเวณที่สามารถเห็นได้ง่าย รวมทั้งคอ ซึ่งแต่ก่อนไม่ได้อนุญาต หรือกองทัพอากาศอนุโลมให้สมั ครหากผู้สมัครเป็นคุณพ่อหรือคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่สามารถหาคนมาดูแลลูก ๆ จำนวนไม่เกินสองคนของพวกเขาได้ในยามที่ต้องไปปฏิบัติหน้าที่ในต่างประเทศ

TOP GUN
TOP GUN

สำหรับกลยุทธ์ที่ใช้ภาพยนตร์ ‘ท็อปกัน มาเวอริค’ ปลุกคนให้ตบเท้าเข้ามาสมัคร เอริก เวย์ แห่งกองทัพอากาศสหรัฐฯ ซึ่งแต่งชุดเครื่องแบบเต็มยศในบริเวณห้องโถงของโรงภาพยนตร์แห่งหนึ่งในเมือง วอร์เตอร์ฟอร์ด รัฐคอนเนตทิคัต กล่าวว่า เทคนิคข้างต้นใช้ได้ผล เพราะเขาสามารถเรียกความสนใจเด็กหนุ่มวัย 22 ปี เด็กคนนั้นได้ติดต่อเขามาในภายหลังและแจ้งว่าภาพยนตร์เรื่อง ‘ท็อปกัน มาเวอริค’ ได้พิสูจน์ให้เขาเห็นว่าเขาควรสมัครเข้ากองทัพ นอกจากความสำเร็จของ เอริก เวย์ แล้วยังมีตัวอย่างที่คล้ายกันในส่วนอื่นๆของเขตนิวอิงแลนด์อีกด้วย

  • ที่มา: เอพี

XS
SM
MD
LG