ก่อนที่จะเกิดโรคระบาด เคท เมอร์ฟี (Kate Murphy) ไม่ได้มีเงินมากพอที่จะให้ลูก ๆ ซื้ออาหารกลางวันทานที่โรงเรียนได้ ดังนั้นเธอและสามีจึงซื้ออาหารจำนวนมากเพื่อทำอาหารกลางวันให้ลูก ๆ นำไปทานที่โรงเรียน ก่อนที่การที่โรงเรียนต่าง ๆ ทั่วประเทศแจกอาหารฟรีให้แก่นักเรียนในช่วงวิกฤตนั้น จะเข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระนี้ไปได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสามีของเธอต้องตกงานเมื่อปีที่ก่อนเพราะบริษัทเบเกอรี่ได้ปิดตัวลง
เมอร์ฟี คุณแม่ลูกสี่ซึ่งทำงานเป็นพนักงานธุรการในบริษัทสินเชื่อในรัฐเวอร์มอนต์ กล่าวว่า ครอบครัวของเธอมีรายได้เกินกว่าที่จะมีสิทธิ์ได้รับอาหารกลางวันฟรีหรือได้รับส่วนลดค่าอาหาร ตลอดจนผลประโยชน์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับอาหาร แต่ก็ไม่ได้มากเพียงพอที่จะทำให้พวกเขามีความสะดวกสบายทางการเงินอย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตาม ความช่วยเหลือจากรัฐบาลกลางในยุคของการระบาดใหญ่ที่ทำให้มีอาหารฟรีสำหรับนักเรียนในโรงเรียนของรัฐทุกคน ไม่ว่าครอบครัวเหล่านั้นจะมีรายได้มากน้อยแค่ไหนก็ตามกำลังจะสิ้นสุดลง ทำให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบในปีการศึกษาที่กำลังจะมาถึงสำหรับครอบครัวที่ประสบปัญหาในเรื่องราคาอาหารและเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นอยู่ก่อนแล้ว
บรรดานักเคลื่อนไหวกล่าวว่า สำหรับครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อและการช่วยเหลือของรัฐบาลกลางในด้านอื่น ๆ ที่สิ้นสุดลง เช่นโครงการคืนภาษีบุตรภาคต่อขยาย (Expanded Child Tax Credits) การลดความช่วยเหลือเหล่านี้ลงอาจหมายถึงการที่พวกเขาต้องหันไปใช้ธนาคารอาหารกันบ่อยขึ้น
วินซ์ ฮอลล์ (Vince Hall) หัวหน้าฝ่ายประสานงานภาครัฐของ Feeding America เครือข่ายธนาคารอาหารที่ไม่แสวงหาผลกำไร กล่าวว่า หลาย ๆ ครัวเรือนทั่วประเทศกำลังเผชิญกับความเป็นจริงที่ยากลำบากมากที่จะต้องเลือกระหว่างปันเงินมาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องลูก ๆ หรือนำมาเติมน้ำมันให้เต็มถัง หรือการซื้อยา
กฎเกณฑ์ต่าง ๆ ถูกกำหนดให้กลับไปเหมือนในช่วงก่อนการระบาดของโคโรนาไวรัส โดยครอบครัวที่มีสิทธิ์ตามระดับรายได้จะต้องสมัครรับอาหารกลางวันฟรีหรือได้รับส่วนลดให้แก่บุตรหลานของตน ส่วนโรงเรียนในพื้นที่ที่ประชากรมีรายได้น้อยจะแจกอาหารเช้าและอาหารกลางวันฟรีแก่ทุกคนตามเดิม
ทั้งนี้ การยกเว้นข้อกำหนดในเรื่องสิทธิ์ในการได้รับอาหารโรงเรียนฟรีในช่วงการระบาดใหญ่ ทำให้กระทรวงเกษตรของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้ดูแลโครงการอาหารของโรงเรียน ได้เห็นจำนวนนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการแจกอาหารฟรีเพิ่มสูงขึ้น
ซินดี้ ลอง (Cindy Long) แห่ง USDA Food and Nutrition Service กล่าวว่า ในช่วงปีการศึกษาที่ผ่านมานี้ เด็กนักเรียนได้รับอาหารฟรีราววันละ 30 ล้านคน เทียบกับก่อนเกิดการระบาดใหญ่ที่มีอยู่เพียงวันละ 20 ล้านคน
สภาคองเกรสผ่านร่างกฎหมายเมื่อเดือนมิถุนายน และได้รับการลงนามโดยประธานาธิบดีโจ ไบเดนเมื่อวันเสาร์ โดยมีเป้าหมายที่จะคงไว้ซึ่งกฎเกณฑ์ต่าง ๆ เกี่ยวกับโครงการอาหารภาคฤดูร้อนเหมือนที่เคยเป็นมาในช่วงการระบาดใหญ่ เพื่อให้มีการแจกอาหารฟรีในชุมชนใดก็ตามที่มีความต้องการ มากกว่าที่จะมุ่งไปที่เด็กจากครอบครัวที่มีรายได้น้อยเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ยังเป็นการช่วยเหลือโรงเรียนในการทดแทนอาหารบางประเภทโดยที่ไม่ต้องเสียค่าปรับหากเกิดปัญหาในเรื่องห่วงโซ่อุปทานอีกด้วย
ทั้งนี้ บางรัฐได้กำหนดให้มีการแจกอาหารฟรีในโรงเรียนแก่นักเรียนทุกคนแล้วสำหรับปีการศึกษาหน้า อย่างเช่น รัฐแคลิฟอร์เนียและรัฐเมนออกนโยบายเกี่ยวกับ Universal Meals หรือการแจกอาหารฟรีแก่นักเรียนโดยไม่ต้องตรวจสอบรายได้ครอบครัวเป็นการถาวรเมื่อปีที่แล้ว ส่วนรัฐเวอร์มอนต์ที่ครอบครัวเมอร์ฟีอาศัยอยู่ จะแจกอาหารฟรีให้แก่นักเรียนโรงเรียนของรัฐต่อไปอีกหนึ่งปี
อีตัน พริงเกิล (Etan Pringle) เด็กนักเรียนคนหนึ่งจากโรงเรียน Albert D. Lawton Intermediate School ในรัฐเวอร์มอนต์ กล่าวว่า “สถานการณ์ที่บ้านของนักเรียนทุกคนนั้นแตกต่างกัน และการที่จะตั้งใจเรียนหนังสือในขณะที่ท้องหิวมากก็เป็นเรื่องยาก ดังนั้นการแจกอาหารกลางวันฟรีจะเป็นเรื่องที่ดีสำหรับนักเรียนทุกคน”
แคเร็น โดแลน (Karen Dolan) สส. รัฐเวอร์มอนต์ กล่าวว่า การแจกอาหารฟรีไม่เพียงแต่ให้คุณค่าทางโภชนาการสำหรับเด็กเพื่อให้สามารถเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพเท่านั้น แต่ยังมอบความเชื่อมั่นให้แก่เด็ก ๆ และครอบครัวในช่วงเวลาที่ท้าทายนี้ด้วย นอกจากนี้ ยังช่วยให้เด็กหลาย ๆ คนหลุดพ้นจากการถูกตีตราว่าเป็นเด็กที่ทานอาหารกลางวันฟรีหรือลดราคา และช่วยลดความลำบากใจของครอบครัวที่ไม่สามารถจ่ายเงินค่าอาหารกลางวันให้บุตรหลานของตนได้อีกด้วย
- ที่มา: เอพี