ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารในวันศุกร์ เพื่อปกป้องสิทธิของสตรีอเมริกันในการเข้าถึงบริการทำแท้งและการคุมกำเนิด หลังจากที่เมื่อเดือนที่แล้ว ศาลสูงสหรัฐฯ มีคำสั่งคว่ำคำตัดสิน Roe v Wade ที่ยอมรับการทำแท้งอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
เมื่อเดือนที่แล้ว ศาลสูงสหรัฐฯ วินิจฉัยพลิกคำตัดสินเมื่อปี ค.ศ. 1973 หรือเมื่อ 49 ปีก่อน ในคดี Roe v. Wade ถือเป็นการคว่ำคำตัดสินในอดีตที่เคยให้สิทธิตามรัฐธรรมนูญต่อสตรีในการทำเเท้งในช่วงเกือบ 50 ปีที่ผ่านมา และทำให้การตัดสินใจเรื่องสิทธิการทำแท้งเป็นเรื่องของเเต่ละรัฐต่อไปจากนี้
นั่นหมายความว่า ผู้หญิงหลายล้านคนในสหรัฐฯ ที่ต้องการทำแท้ง อาจจำเป็นต้องเดินทางข้ามรัฐ ไปยังเขตที่สิทธิการทำแท้งได้รับการคุ้มครอง
ปธน.ไบเดน ได้ออกมาประณามคำตัดสินของศาลสูง และตลอดหลายวันที่ผ่านมา ปธน.ไบเดน เผชิญแรงกดดันอย่างหนักจากผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครต โดยเฉพาะกลุ่มหัวก้าวหน้า ที่ให้ตอบโต้ต่อคำตัดสินดังกล่าวของศาลสูงซึ่งทำให้สิทธิในการทำแท้งของสตรีอเมริกันต้องตกอยู่ในความเสี่ยง
สำหรับคำสั่งฝ่ายบริหารฉบับนี้ที่ลงนามในวันศุกร์ ปธน.ไบเดนจะสั่งการให้กระทรวงสาธารณสุขและบริการประชาชน (Health and Human Services Department) เพิ่มการปกป้องและขยายการเข้าถึงบริการทำแท้งอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งได้รับรองจากสำนักงานอาหารและยาสหรัฐฯ
นอกจากนี้ ปธน.ไบเดน จะขยายการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ฉุกเฉิน การวางแผนครอบครัว และการคุมกำเนิด ซึ่งรวมถึงการใช้ห่วงอนามัย ให้แก่สตรีอเมริกันด้วย
แถลงการณ์ของทำเนียบขาวระบุว่า ที่ปรึกษาด้านกฎหมายของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ จะเข้าแทรกแซงการทำงานของอัยการในระดับรัฐหรือองค์กรต่าง ๆ เพื่อให้จัดหาความช่วยเหลือด้านกฎหมายให้แก่ผู้ที่ต้องการทำแท้ง หรือผู้ให้บริการทำแท้งด้วย ซึ่งอาจรวมถึงการปกป้องสิทธิในการเดินทางไปทำแท้งยังต่างรัฐด้วย
นอกจากนี้ยังรวมถึงการปกป้องสิทธิความเป็นส่วนตัวของผู้ทำแท้ง และรับประกันด้านความปลอดภัยของคลินิกทำแท้งเคลื่อนที่ตามรอยต่อของรัฐต่าง ๆ ตลอดจนจัดตั้งคณะทำงานชุดพิเศษขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่ดูแลด้านสาธารณสุขสำหรับสตรีที่ทำแท้งและคุมกำเนิดโดยเฉพาะ
นักวิเคราะห์การเมืองเชื่อว่า คำตัดสินของศาลสูงสหรัฐฯ ที่ปฏิเสธสิทธิในการทำเเท้ง อาจส่งผลให้ผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครตออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งมากขึ้นในการเลือกตั้งกลางเทอมในเดือนพฤศจิกายน เมื่อชาวอเมริกันจะเลือกสมาชิกผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาชุดใหม่เข้าทำหน้าที่ในสภา
เท่าที่ผ่านมา การเลือกตั้งกลางเทอมซึ่งเกิดขึ้นสองปีก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ มักขาดเเรงกระตุ้นพิเศษให้คนมาใช้สิทธิ แต่ปีนี้อาจไม่เหมือนครั้งก่อน ๆ สืบเนื่องจากประเด็นเรื่องสิทธิในการทำแท้งดังกล่าว
ทั้งนี้ ผลโพลล์ของ Politico/Morning Star ที่สำรวจความเห็นประชาชนหลังการประกาศคำตัดสินของศาลสูงเมื่อเดือนที่แล้ว ชี้ว่า 40% ของชาวอเมริกันไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับการคว่ำคำตัดสิน Roe v. Wade รวมถึงการพิจารณาว่าสิทธิการทำแท้งของประชาชนจะเป็นไปตามกฎหมายของเเต่ละรัฐ
นอกจากนี้ รายงานผลสำรวจความเห็นประชาชนหลายโพลล์ ระบุว่า ประมาณ 70% ของชาวอเมริกันสนับสนุนให้มีการทำเเท้งได้ตามกฎหมายในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง
- ที่มา: วีโอเอ และรอยเตอร์