ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ อยู่ระหว่างการพิจารณามาตรการยกเว้นภาษีน้ำมันเป็นการชั่วคราว และพิจารณาลดภาษีนำเข้าสินค้าบางประเภทจากจีน เพื่อช่วยชาวอเมริกันในการรับมือกับภาวะเงินเฟ้อในประเทศ ตามการเปิดเผยของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ แจเน็ต เยลเลน เมื่อวันอาทิตย์
รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับรายการ This Week ทางสถานีโทรทัศน์ ABC เมื่อวันอาทิตย์ ระบุว่า ปธน.ไบเดน ต้องการทำทุกวิถีทางที่ทำได้เพื่อช่วยผู้บริโภค และยอมรับว่า ราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นอย่างมากเป็นภาระกับครัวเรือนอเมริกันอย่างชัดเจน
ราคาน้ำมันสหรัฐฯ แตะระดับสูงสุดที่ 5 ดอลลาร์ต่อแกลลอน หรือเพิ่มขึ้นมากกว่า 48% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเยลเลน มองว่า หากยกเว้นภาษีน้ำมันที่ 18 เซนต์ต่อแกลลอน ในกรอบระยะเวลาหนึ่ง น่าจะเป็นหนึ่งในมาตรการที่อาจนำมาพิจารณาปรับใช้ และว่า ปธน.ไบเดนจะผลักดันเรื่องนี้กับสภาคองเกรสด้วยเช่นกัน
เมื่อสัปดาห์ก่อน ปธน.ไบเดน ยื่นจดหมายต่อบริษัทน้ำมันรายใหญ่ 7 แห่ง ให้เพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน และกล่าวว่าผลกำไรที่สูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ของบริษัทเหล่านี้เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ ในช่วงนี้ราคาน้ำมันหน้าปั๊มในอเมริกาทะยานสูงขึ้นเช่นนี้
นอกจากนี้ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ เพิ่มเติมด้วยว่า ผู้นำสหรัฐฯ กำลังพิจารณาลดภาษีนำเข้าสินค้าบางประเภทจากจีนที่บังคับใช้มาตั้งแต่ยุคอดีตปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งเยลเลน มองว่า มาตรการกำแพงภาษีในยุคนั้น “ไม่มีเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ใด ๆ และเป็นการเพิ่มต้นทุนให้กับผู้บริโภคด้วย”
เยลเลน ย้ำว่า อัตราเงินเฟ้อในขณะนี้สูงขึ้นในระดับที่ยอมรับไม่ได้ และเหตุผลหนึ่งมาจากการบุกรัสเซียของยูเครน ที่ดันราคาน้ำมันและราคาอาหารพุ่งสูง ซึ่งผู้บริโภคอเมริกันอาจไม่ได้รับการบรรเทาผลกระทบอย่างรวดเร็ว แต่เชื่อว่าสถานการณ์เงินเฟ้อจะปรับตัวลงมาได้
ส่วนความกังวลเรื่องเศรษฐกิจ ขุนคลังสหรัฐฯ คาดว่าอาจมีการชะลอตัวลงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า แต่ไม่เชื่อว่าจะเข้าสู่ภาวะถดถอยได้
- ที่มา: วีโอเอ