ชาวอเมริกันหันมาซื้อเสื้อผ้ามือสอง หรือที่เรียกว่า “วินเทจ” กันมากขึ้น เพราะพวกเขาเชื่อว่าการซื้อเสื้อผ้าเก่าที่ใช้แล้วจะช่วยประหยัดเงิน ดีต่อสิ่งแวดล้อมและทันสมัย นอกจากนี้ ร้านค้าวินเทจมักจะมีเสื้อผ้าจากยุคก่อนๆ ขาย และยังมีเสื้อผ้าแบรนด์ดังมากมายที่ขายในราคาถูกอีกด้วย
เสื้อผ้าแนววินเทจได้รับความนิยมมานานกว่า 10 ปีแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะมีคนรุ่นใหม่ที่มีความกังวลเกี่ยวกับวิถีชีวิตที่ยั่งยืนเป็นผู้ขับเคลื่อน นั่นก็หมายความว่าพวกเขาต้องการที่จะลดการสูญเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ให้น้อยลงและใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างระมัดระวัง
ในปีค.ศ. 2018 องค์การสหประชาชาติกล่าวว่า อุตสาหกรรมแฟชั่นเป็นสาเหตุของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลกในอัตราส่วน 10% และว่าอุตสาหกรรมนี้ใช้พลังงานมากกว่าอุตสาหกรรมการบินและการขนส่งรวมกัน
เจ็น เมสัน (Jen Mason) เจ้าของร้าน Underground Vintage ในเมืองลูอิส รัฐเดลาแวร์ ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่บนชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกเล่าว่า “เสื้อผ้าในร้านที่ไม่มีคนซื้อนั้นจะมีไว้สำหรับคนในท้องถิ่น เพราะเป็นเสื้อผ้าที่ใช้วัสดุเพื่อวัตถุประสงค์ที่แตกต่างออกไป เช่น ใช้ในการทำผ้าห่ม ดังนั้นเสื้อผ้าที่ขายไม่ได้ก็จะไม่สูญเสียไปโดยเปล่าประโยชน์”
เมสันกล่าวต่อไปอีกว่า “ชุมชนของเราเป็นชุมชนชายฝั่ง ดังนั้นทุกคนจึงคิดอยู่เสมอว่าจะทำอย่างไรให้มีความยั่งยืน และการที่เป็นเมืองที่อยู่บนคาบสมุทร ก็จะต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมาก ในการขนสินค้าเข้าออกจากเมือง ดังนั้นจึงต้องคิดให้มากในการที่จะให้ชีวิตใหม่แก่บางสิ่งบางอย่าง”
ทั้งนี้ บริษัทแฟชั่นขนาดใหญ่เริ่มเข้าร่วมการเคลื่อนไหวในเรื่องเสื้อผ้ามือสองกันแล้ว อย่างเช่นบริษัทยีนส์ Levi Strauss & Co. ที่เปิดโครงการใหม่ที่ชื่อ Levis Secondhand เพื่อซื้อคืนกางเกงยีนส์ที่สวมใส่แล้วแล้วนำไปขายต่อ
กฎบัตรอุตสาหกรรมแฟชั่นสำหรับการดำเนินการด้านสภาพอากาศเป็นข้อตกลงที่อยู่ภายใต้ความดูแลขององค์การสหประชาชาติว่าด้วยการลดก๊าซเรือนกระจก หลายๆ องค์กรที่ลงนามในข้อตกลงนี้ต่างให้คำมั่นว่า จะปล่อยก๊าซที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศให้น้อยลง แต่หลายๆ คนที่ซื้อเสื้อผ้าต่างก็หวังว่าจะช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมด้วยการมองย้อนกลับไปในอดีต
รายงานชิ้นล่าสุดใน Deseret News ของยูทาห์ระบุว่า แฟชั่นในศตวรรษที่ 20 นั้นเป็นที่นิยมมากที่สุดในตลาดเสื้อผ้ามือสองของยูทาห์ในปัจจุบัน
Delorean 88 ร้านวินเทจในกรุงวอชิงตัน ซึ่งเสื้อผ้าส่วนใหญ่ของร้านมาจากช่วงทศวรรษ 1990 และช่วงต้นทศวรรษ 2000 โดยสินค้าส่วนใหญ่จะเป็นเสื้อยืดที่มีโลโก้วงดนตรีและทีมกีฬาต่างๆ อย่างเช่นเสื้อยืดตัวหนึ่งจะมีรูปใบหน้าของสมาชิกทุกคนในทีม Chicago Bulls ในปี 1996 ซึ่งรวมถึง ไมเคิล จอร์แดน (Michael Jordan) และสก็อตตี้ พิ๊พเพน (Scottie Pippen) ดาวเด่นประจำทีม ส่วนเสื้ออีกตัวมาจากนักร้องเพลงแร็พ Eminem หลังจากที่เปิดตัวอัลบั้มแรกของเขาในปี 1999
ไมเคิล ดิแอซ (Michael Diaz) พนักงานของร้านนี้เล่าว่า ลูกค้าบางคนเข้ามาในร้านและได้เห็นเสื้อที่พ่อแม่ของพวกเขาอาจจะเคยมี และว่าร้านค้าวินเทจเป็นที่ที่ให้ผู้คนได้รำลึกถึงอดีต คนที่เข้ามาในร้านล้วนต้องการที่จะสวมเสื้อที่มีประวัติศาสตร์ ยาวนาน 10 ปี 20 ทับเสื้อตัวใหม่ของพวกเขาไปเลย
เมสัน เจ้าของร้าน Underground Vintage คิดว่าส่วนหนึ่งของความนิยมในการซื้อของวินเทจสำหรับคนหนุ่มสาวนั้นน่าจะเป็นเรื่องของเวลา ในยุคก่อนที่จะมีการใช้คอมพิวเตอร์กันอย่างกว้างขวาง โดยพวกเขาสามารถเดินเข้าไปที่ร้านค้าวินเทจเพื่อลองสวมใส่เสื้อผ้าที่มาจากช่วงเวลาที่แตกต่างกัน และทางร้านก็ไม่ได้แยกเสื้อผ้าชายหญิงด้วย เขาคิดว่าการช้อปปิ้งเสื้อผ้าวินเทจนั้นเหมาะกับคนหนุ่มสาว เพราะนอกจากจะมีความยั่งยืนแล้ว เสื้อผ้าบางชิ้นยังมีความหมายอีกด้วย
- ที่มา: วีโอเอ, Deseret News