ทางการท้องถิ่นยูเครนระบุว่า กองกำลังรัสเซียยังคงเดินหน้ายิงปืนใหญ่บริเวณชานกรุงเคียฟและเมืองเชอร์นิฮิฟ แม้รัสเซียรับปากก่อนหน้านี้ว่าจะลดการปฏิบัติการในบริเวณดังกล่าวก็ตาม
เมื่อวันพุธ วลาดิซลาฟ แอสโทรเชนโก นายกเทศมนตรีเมืองเชอร์นิฮิฟ ให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นเอ็นว่า รัสเซียโจมตีเพิ่มขึ้นในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา รวมถึงใช้ปืนครกโจมตีครั้งใหญ่ที่ใจกลางเมือง ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันว่ารัสเซียผิดคำพูดเรื่องการลดการโจมตี
อย่างไรก็ตาม รัสเซียยังไม่ได้มีความเห็นโดยทันทีต่อรายงานที่ระบุว่ารัสเซียเพิ่มการโจมตีดังกล่าว
ทางด้านสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ หรือ เพนตากอน ได้เปิดเผยในวันพุธว่า รัสเซียได้เริ่มจัดกำลังทัพใหม่ โดยเคลื่อนกำลังทหารราว 20 เปอร์เซนต์จากบริเวณรอบกรุงเคียฟและเมืองเชอร์นิฮิฟขึ้นไปทางเหนือ และมีบางส่วนที่เดินทางเข้าไปในเบลารุส
โฆษกเพนตากอน จอห์น เคอร์บี กล่าวว่า กรุงเคียฟยังคงถูกโจมตีอย่างหนักทั้งทางบกและทางอากาศ พร้อมเตือนว่า รัสเซียอาจส่งเสบียงและยุทโธปกรณ์เพิ่มเติมเพื่อให้ทหารรัสเซียปักหลักทำสงครามในยูเครนต่อไป และไม่มีทีท่าว่าจะนำทหารเหล่านั้นกลับประเทศ
ผู้เชี่ยวชาญบางคนชี้ว่า รัสเซียอาจปรับเปลี่ยนเป้าหมายในสงครามครั้งนี้เพื่อให้กรุงมอสโกสามารถประกาศชัยชนะได้ง่ายขึ้น โดยมีจุดประสงค์เพื่อรักษาหน้าแม้ว่ารัสเซียกำลังพ่ายแพ้ในยูเครน
ทางด้านกระทรวงกลาโหมของอังกฤษระบุเช่นกันว่า กองทัพรัสเซียในยูเครนต้องเดินทางกลับรัสเซียและเบลารุสเพื่อ “จัดกองทัพและเติมเสบียงใหม่” หลังพ่ายแพ้อย่างหนักต่อกองกำลังยูเครน ซึ่งทำให้รัสเซียเผชิญความยากลำบากในการจัดส่งกำลังบำรุงกองทัพยิ่งกว่าเดิม
ท่าทีของอังกฤษมีขึ้นหนึ่งวันหลังจากที่ เซอร์เกย์ ชอยกู รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย ประกาศว่า กองกำลังรัสเซียจะพุ่งเป้าไปที่ภูมิภาคดอนบาส ซึ่งเป็นที่ตั้งของเขตปกครองลูฮันสก์และดอแนตสก์ที่รัสเซียควบคุมอยู่ โดยเขาระบุว่า รัสเซียเปลี่ยนยุทธศาสตร์เพราะรัสเซียบรรลุผลขั้นแรกของ “ปฏิบัติการพิเศษทางทหาร” รวมถึงการตัดกำลังทางทหารของยูเครน
อย่างไรก็ตาม กองทัพอังกฤษกลับระบุว่า การตัดสินใจเปลี่ยนเป้าหมายของรัสเซียอาจเป็นการยอมรับโดยนัยว่า รัสเซียเผชิญความยากลำบากในการยึดครองพื้นที่สำคัญมากกว่าหนึ่งแห่ง
- ข้อมูลบางส่วนจากรอยเตอร์