ครบสองสัปดาห์แล้วที่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินสั่งกองทัพรัสเซียบุกยูเครน โดยหวังว่าจะสามารถเข้าไปเปลี่ยนเเปลงการบริหารยูเครนได้อย่างรวดเร็ว
เเต่เนื่องจากยูเครน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากโลกตะวันตก สามารถต้านการบุกได้ดีกว่าคาด และเนื่องจากมาตรการลงโทษของนานาชาติที่พุ่งเป้าไปที่รัสเซียกำลังสร้างแแรงสั่นสะเทือนทางเศรษฐกิจ นักวิเคราะห์จึงตั้งคำถามถึงเสถียรภาพทางการเมืองของประธานธิบดีปูตินต่อไปจากนี้
ตัวเลขร้อยละ 60 ของชาวรัสเซียที่สนับสนุนสิ่งที่รัฐบาลปูตินเรียกว่า “ปฏิบัติการพิเศษทางทหาร” ในยูเครน เป็นผลจากการทำสำรวจของหน่วยงานที่อยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลเครมลิน
ในขณะที่ยังไม่มีข้อมูลที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับความนิยมต่อประธานาธิบดีปูตินในหมู่ชาวรัสเซีย สิ่งที่เห็นได้คือเศรษฐกิจรัสเซียกำลังถูกบั่นทอนจากมาตรการลงโทษที่ฝ่ายตะวันตกใช้ตอบโต้การบุกยูเครนครั้งนี้
กล่าวคือค่าเงินรูเบิลของรัสเซียร่วงลงมากถึงร้อยละ 30 เมื่อเทียบกับดอลลาร์ สู่จุดตำ่สูดเป็นสถิติใหม่ ชาวรัสเซียได้รับอนุญาตให้ถอนเงินจากตู้เอทีเอ็มได้อย่างจำกัด และธนาคารกลางรัสเซียขึ้นดอกเบี้ยจาก 9.5% มาเป็น 20%
นักวิเคราะห์ประเมินว่าเศรษฐกิจรัสเซียในปีนี้อาจจะหดตัวมากถึง 10 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งจะเป็นการถดถอยมากที่สุดตั้งเเต่คริสต์ทศวรรษที่ 1990’s
ท่ามกลางสถานการณ์ไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจที่กล่าวมา อดีตมหาเศรษฐีนำ้มันรัสเซียผู้ลี้ภัยการเมือง มิคาอิล โคดอร์คอฟกี ผู้มักออกมาวิจารณ์ประธานาธิบดีปูติน หลังถูกจำคุก 10 ปีในรัสเซีย กล่าวกับสื่อซีเอ็นเอ็นว่าสงครามในยูเครนครั้งนี้อาจทำให้โอกาสที่ปูตินจะอยู่ในอำนาจต่อไปมีน้อยลงเรื่อยๆ
เหตุผลที่คนที่มีมุมมองเช่นนั้น ก็เพราะประธานาธิบดีปูตินสร้างความนิยมทางการเมืองจากคำมั่นต่อประชาชนว่าประเทศรัสเซียจะไม่กลับมาเจอความปั่นป่วนทางเศรษฐกิจอย่างในทศวรรษที่ 1990’s อีก แต่ที่เห็นในตอนนี้คือเศรษฐกิจรัสเซียกำลังระส่ำระสายครั้งใหญ่
หากเปรียบเทียบกับสิ่งท้าทายต่ออำนาจของปูตินจากการประท้วงของประชาชนในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา คนจำนวนมากที่เป็นชนชั้นกลางและคนรายได้น้อยยังไม่ร่วมลุกฮือต่อต้านผู้นำรัสเซียรุนเเรงนัก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมีคนจำนวนมากที่ยังมีงานทำจากหน่วยงานรัฐ
ขณะนี้ พบว่าบุคคลที่เป็นที่รู้จักเริ่มออกมาเคลื่อนไหวและเเสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการบุกยูเครน โดยบุตรสาวของนายดมิทรี เพสคอฟ โฆษกรัฐบาลรัสเซียและบุตรสาวของอดีตประะธานาธิบดีบอริส เยลต์ซินของรัสเซียประณามการรุกรานครั้งนี้ทางโซเชียลมีเดีย
อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์ทาทิอานา สเเตโนวายา ผู้ก่อตั้งแพลตฟอร์ม R. Politik เกี่ยวกับการเมืองรัสเซีย กล่าวว่าความจงรักภักดีของคนใกล้ชิดปูตินยังคงมั่นคง
และบทวิเคราะห์ชิ้นหนึ่งในนิตยสาร Foreign Affairs ในสัปดาห์นี้ ระบุว่าคนยังคงเชื่ออย่างกว้างขวางว่าประธานาธิบดีปูตินจะรอดพ้นจากกระเเสฟาดกลับของคนในประเทศเนื่องด้วยการบุกยูเครนครั้งนี้
ผู้เขียนสองคนคือเเอนเดรีย เคนดัลล์-เทลเลอร์อดีตเจ้าหน้าที่ด้านข่าวกรองสหรัฐฯ แห่ง US National Intelligence Council และอาจารย์เอริกา ฟรานท์ซ แห่งมหาวิทยาลัย Michigan State University กล่าวว่าเป็นการยากที่จะโค่นอำนาจผู้นำประเทศที่อยู่ภายใต้ลัทธิเผด็จการที่บูชาตัวบุคคลเป็นหลัก
เเต่เคนดัลล์-เทลเลอร์ให้ข้อสังเกตว่าระบอบลักษณะนี้จะดูมั่นคงต่อเนื่องโดยไม่มีใครรู้ว่าจะสั่นคลอนเมื่อไหร่ จนกระทั่งเกิดการเปลี่ยนแปลงในทางตรงข้ามอย่างฉับพลัน