ลิ้งค์เชื่อมต่อ

รัสเซียเร่งขยายอิทธิพลทางเศรษฐกิจ การทหาร และการเมืองกับแอฟริกา


Russian President Vladimir Putin delivers a video address to the nation in Moscow
Russian President Vladimir Putin delivers a video address to the nation in Moscow

ขณะที่โลกกำลังสนใจกับข่าวเรื่องท่าทีคุกคามของรัสเซียต่อยูเครนนั้น มหาอำนาจจากค่ายสังคมนิยมดังกล่าวได้หวนกลับไปสร้างความสัมพันธ์ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง และการทหารกับประเทศต่างๆ ในทวีปแอฟริกาอย่างเงียบๆ โดยไม่พยายามสอดแทรกค่านิยมหรืออุดมการณ์แบบชาติตะวันตกในความสัมพันธ์

ระหว่างช่วงสงครามเย็น สหภาพโซเวียตได้เคยสนับสนุนขบวนการสังคมนิยมในทวีปแอฟริกา แต่หลังจากที่สหภาพโซเวียตล่มสลายลงในปี 1991 รัสเซียได้ถอนตัวออกจากทวีปดังกล่าว

มาในขณะนี้รัสเซียได้หวนกลับไปสู่พื้นที่เก่าซึ่งคุ้นเคยด้วยการสร้างความสัมพันธ์ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ การทหาร และการเมืองกับหลายประเทศในทวีปแอฟริกาอย่างเงียบๆ และในปี 2019 ซึ่งมีการจัดประชุมสุดยอดสำหรับผู้นำทางธุรกิจและผู้นำทางการเมืองระหว่างรัสเซียกับแอฟริกาเป็นครั้งแรกที่เมืองตากอากาศโซชิของรัสเซียนั้น ประธานาธิบดีปูตินได้กล่าวว่ารัสเซียจะไม่เข้ามาเพื่อ ”แบ่งสันปันส่วน” ความมั่งคั่งของทวีปแอฟริกาแต่จะเป็นความสัมพันธ์ในลักษณะของการแข่งขันเพื่อให้เกิดความร่วมมือกับแอฟริกามากกว่า

การประชุมสุดยอดระหว่างรัสเซียกับแอฟริกาครั้งแรกเป็นผลให้รัสเซียสามารถทำข้อตกลงมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์กับกว่า 30 ประเทศของแอฟริกาเพื่อขายอาวุธ สินค้าพลังงาน สินค้าการเกษตร รวมทั้งยังเปิดโอกาสให้ธุรกิจของรัสเซียเข้าไปลงทุน เช่น ทำเหมืองแร่อะลูมิเนียมในประเทศกินี ทำเหมืองยูเรเนียมในนามิเบีย และทำเหมืองเพชรในอังโกลากับซิมบับเว รวมทั้งเพื่อขุดหาน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ ทองคำ รวมทั้งสินแร่ในประเทศอื่นๆด้วย และการประชุมสุดยอดครั้งที่สองระหว่างรัสเซียกับแอฟริกาก็กำหนดจะมีขึ้นในเดือนตุลาคมปีนี้ที่นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก

อันที่จริงแล้วรัสเซียได้เพิ่มความสัมพันธ์ทางทหารและทางเศรษฐกิจกับแอฟริกาอย่างน้อยมาตั้งแต่ปี 2007 แล้ว โดยคุณ Tatiana Smirnova จาก Sahel Research Group ที่มหาวิทยาลัยแห่งรัฐ ฟลอริดาในสหรัฐฯ ได้ชี้ว่าเห็นได้ชัดว่ารัสเซียกำลังมองหาตลาดและโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่ๆ รวมทั้งพยายามสร้างอิทธิพลทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ในทวีปแอฟริกาด้วย เพราะเรื่องดังกล่าวสำคัญสำหรับรัสเซีย

และถึงแม้ทวีปแอฟริกาจะติดต่อธุรกิจกับประเทศอื่นๆ มากกว่ารัสเซีย อย่างเช่นกับจีนที่เป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของทวีปแอฟริกาในช่วงหลังนี้ก็ตาม แต่ประธานาธิบดีปูตินก็กล่าวว่ารัสเซียเสนอให้ความร่วมมือโดยไม่มีเงื่อนไขทั้งทางด้านการเมืองหรือด้านอื่นใดเหมือนที่กลุ่มประเทศตะวันตกมักจะทำ

ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้คุณ Maxim Matusevich ผู้อำนวยการศูนย์รัสเซียศึกษาที่มหาวิทยาลัย Seton Hall ในรัฐนิวเจอร์ซีย์ของสหรัฐฯ ได้เสริมว่ารัสเซียได้เสนอวิสัยทัศน์ทางเลือกสำหรับประเทศต่างๆ ในทวีปแอฟริกาบนพื้นฐานของการตำหนิวิพากษ์และการต่อต้านกลุ่มประเทศตะวันตกซึ่งมีอยู่ร่วมกัน และว่ารัสเซียในปัจจุบันไม่ได้พยายามเสนอวิสัยทัศน์ในด้านอุดมการณ์แต่เน้นเรื่องความสำคัญของการมีอธิปไตยซึ่งต่างจากกลุ่มประเทศตะวันตกที่มักพยายามหยิบยื่นค่านิยมของตน เช่น เรื่องความโปร่งใส รัฐบาลที่ซื่อสัตย์ หรือการแก้ปัญหาคอรัปชั่น เป็นต้น

แต่นอกจากความสัมพันธ์ด้านการค้าแล้วภัยคุกคามจากกลุ่มติดอาวุธชาวมุสลิมแนวคิดสุดโต่งและเหตุการณ์รุนแรงอื่นๆ ในแอฟริกาก็ได้เปิดช่องทางสำหรับความเกี่ยวพันทางทหารจากรัสเซียด้วย ตัวอย่างเช่น ห้าประเทศในย่านซาเฮลของทวีปแอฟริกาคือบูร์กินาฟาโซ ชาด มาลี มอริทัวเนีย และไนเจอร์ได้ขอความสนับสนุนทางทหารจากรัสเซียเมื่อปี 2018

ซึ่งนอกจากนั้นแล้วผู้สังเกตการณ์ของประเทศตะวันตกได้กล่าวว่ากลุ่มทหารรับจ้างผ่านทางบริษัทชื่อ Wagner Group ที่เชื่อว่าควบคุมโดยคนสนิทของประธานาธิบดีปูตินก็มีส่วนช่วยเพิ่มอิทธิพลทางทหารของรัสเซียในแอฟริกาด้วย ตามที่นาย Joseph Siegle ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของ Africa Center for Strategic Studies ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้ชี้ว่ากลุ่มทหารรับจ้างก็เป็นส่วนหนึ่งของเครื่องมือที่มอสโคว์ใช้เพื่อช่วยค้ำจุนอำนาจของผู้นำในแอฟริกาบางประเทศที่มีปัญหา

อิทธิพลทั้งทางด้านเศรษฐกิจและการทหารของรัสเซียดังกล่าวยังช่วยปกป้องผลประโยชน์ทางการเมืองของรัสเซียในเวทีระหว่างประเทศเช่นกัน โดยคุณ Maxim Matusevich ของมหาวิทยาลัย Seton Hall ยกตัวอย่างว่าเมื่อรัสเซียถูกนานาประเทศคว่ำบาตรหลังการเข้ายึดคาบสมุทรไครเมียจากยูเครนเมื่อปี 2014 หลายประเทศในแอฟริกาได้งดออกเสียงในเวทีสหประชาชาติ ซึ่งประเทศเหล่านี้ก็นับเป็นกลุ่มพันธมิตรทางการทูตซึ่งรัสเซียสามารถวางใจได้

อย่างไรก็ตามถึงแม้รัสเซียจะพยามกลับไปสร้างความสัมพันธ์อีกครั้งกับกลุ่มประเทศในแอฟริกาก็ตาม แต่รัสเซียก็ไม่ได้เป็นผู้เล่นเพียงรายเดียวในขณะนี้ที่พยายามจะขยายอิทธิพล เพราะทำเนียบขาวของสหรัฐฯ ก็มีแผนจะจัดประชุมสุดยอดระหว่างสหรัฐฯ กับแอฟริกาครั้งที่สองในปีนี้ ส่วนสหภาพยุโรปก็เพิ่งประกาศการลงทุนใหม่มูลค่า 172 ล้านดอลลาร์สำหรับระบบโครงสร้างพื้นฐานในแอฟริกา ในความพยายามเพื่อต้านอิทธิพลของแผนงานหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางจากประเทศจีนเช่นกัน

XS
SM
MD
LG