การหารือระหว่างประธานาธิบดีสี จิ้น ผิงของจีน กับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ที่กรุงปักกิ่งเมื่อต้นเดือนนี้และการออกแถลงการณ์ร่วมอย่างยืดยาวหลังการประชุมทำให้มีการคาดการณ์ว่ากำลังมีการสร้างกลุ่มพันธมิตรใหม่ขึ้นระหว่างสองมหาอำนาจนี้
ขณะที่ประเทศทั้งสองกำลังเผชิญหน้าและมีข้อขัดแย้งกับสหรัฐฯ ในหลายด้าน อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์เชื่อว่าจีนยังคงสงวนท่าทีอยู่และยังไม่สนับสนุนรัสเซียอย่างเต็มที่ในบางเรื่องเพราะต้องการรักษาผลประโยชน์ของตนเองก่อน
การพบปะกันโดยตรงระหว่างผู้นำของจีนกับรัสเซียก่อนพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวที่กรุงปักกิ่งเมื่อต้นเดือนนี้รวมทั้งการออกแถลงการณ์ร่วมซึ่งมีความยาวกว่าห้าพันคำถูกมองว่าเป็นการประกาศความสัมพันธ์ใหม่ที่ใกล้ชิดมากยิ่งขึ้นระหว่างประเทศมหาอำนาจจากสองทวีปนี้ โดยทั้งสองฝ่ายกล่าวว่าจะสนับสนุนซึ่งกันและกันอย่างแข็งขันในการเผชิญหน้ากับสิ่งที่ประธานาธิบดีสี จิ้น ผิงของจีนเรียกว่าเป็น ”ภัยคุกคามต่อความมั่นคงในระดับภูมิภาค” และเป็นภัยต่อ “เสถียรภาพทางยุทธศาสตร์ระหว่างประเทศ” โดยไม่มีการเอ่ยชื่อสหรัฐฯ แต่อย่างใด
อันที่จริงแล้วการหารือที่กรุงปักกิ่งเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์นี้นับเป็นการติดต่อครั้งที่ 38 ทั้งโดยทางตรงด้วยตัวเองหรือทางโทรศัพท์ ระหว่างประธานาธิบดีสี จิ้น ผิงของจีนและประธานาธิบดีปูตินของรัสเซีย ซึ่งก็เป็นตัวเลขที่ปักกิ่งพยายามชี้ให้เห็นว่าเป็นสัญญาณแสดงถึงความใกล้ชิดระหว่างสองประเทศที่เคยเป็นคู่แข่งเพื่อความเป็นผู้นำกันมาก่อนในช่วงสงครามเย็น และในส่วนของรัสเซียเองมอสโกก็พยายามปรับนโยบายต่างประเทศของตนให้สอดคล้องกับแนวนโยบายต่างประเทศของจีน ในขณะที่กำลังมองประเทศจีนในฐานะตลาดเพื่อการส่งออกสินค้าด้านพลังงานและยุทโธปกรณ์ด้านการทหารด้วย
นักวิเคราะห์มองว่ามีเหตุผลหลายอย่างที่ช่วยสนับสนุนความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างจีนกับรัสเซีย โดยหนึ่งนั้นคือการมีสหรัฐฯ เป็นคู่กรณีร่วมกัน อย่างไรก็ตามก็ยังมีบางปัจจัยซึ่งทำให้ความสัมพันธ์นี้อาจยังไม่แนบแน่นเท่าที่ควร
ประการแรกสุด แม้จีนไม่ได้ตำหนิรัสเซียในเรื่องท่าทีที่มีต่อยูเครนทั้งยังได้กล่าวโจมตีสหรัฐฯ ว่าพยายามปลุกปั่นให้เกิดความเป็นปรปักษ์ขึ้นมา อย่างไรก็ตามในการตอบคำถามของนายวูฟแกง อิสชิงเกอร์ ประธานการประชุม Munich Security Conference ในช่วงสุดสัปดาห์ที่เพิ่งผ่านมา นายหวัง ยี่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีนได้กล่าวว่าความมีอธิปไตย ความเป็นอิสระ และบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศใดๆ ควรได้รับการเคารพและปกป้องเพราะเรื่องดังกล่าวนับเป็นหลักการพื้นฐานของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ทั้งยังเสริมด้วยว่ายูเครนก็ไม่ได้เป็นข้อยกเว้นสำหรับเรื่องนี้เช่นกัน
รัฐมนตรีต่างประเทศของจีนยังเสริมด้วยว่าประเทศมหาอำนาจทั้งหลายควรช่วยปกป้องสันติภาพของโลกและไม่ควรมีประเทศใดสมควรจะสร้างความผิดพลาดซ้ำสองด้วยการสร้างกลุ่มพันธมิตรเพื่อแข่งขันกัน คำกล่าวจากรัฐมนตรีต่างประเทศของจีนในเรื่องนี้ดูจะสอดคล้องกับความพยายามของปักกิ่งซึ่งคัดค้านการก่อตั้งกลุ่มพันธมิตรที่อาจจะคุกคามจีน อย่างเช่น องค์การนาโต้หรือกลุ่มประเทศ the Quad ที่มีสหรัฐฯ ญี่ปุ่น อินเดีย และออสเตรเลียร่วมเป็นสมาชิกอยู่ เป็นต้น
รายงานการวิเคราะห์ของเอพีเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับรัสเซียยังชี้ด้วยว่าจีนคัดค้านการกระทำใดๆ ที่อาจสร้างผลเสียต่อการกล่าวอ้างกรรมสิทธิ์เรื่องดินแดนของจีน นับตั้งแต่พื้นที่ในทะเลจีนใต้ เกาะไต้หวัน ไปจนถึงพื้นที่ตามแนวพรมแดนซึ่งติดกับอินเดีย และขณะนี้เชื่อกันว่าปักกิ่งกำลังจับตามองท่าทีการตอบโต้ของสหรัฐฯ เกี่ยวกับยูเครนในฐานะสัญญาณบ่งชี้ว่าวอชิงตันจะทำอย่างไรหากปักกิ่งตัดสินใจใช้กำลังกับไต้หวันเช่นกัน
อย่างไรก็ตามอาจารย์ ชิ ยินฮอง ผู้สอนวิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและผู้อำนวยการศูนย์อเมริกันศึกษาที่มหาวิทยาลัย Renmin University ในกรุงปักกิ่งเชื่อว่าจีนยังไม่พร้อมสนับสนุนกลยุทธ์ด้านนโยบายต่างประเทศของรัสเซียอย่างเต็มที่ และว่ารัฐบาลจีนจะยังพยายามรักษาผลประโยชน์ของตนเป็นลำดับแรกก่อนที่จะช่วย ปกป้องผลประโยชน์ของรัสเซีย
นอกจากนั้นรายงานการวิเคราะห์เรื่องบททดสอบความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับรัสเซียจากกรณีของยูเครนนี้ยังชี้ว่าท่าทีของจีนกับรัสเซียในเวทีระหว่างประเทศขณะนี้แตกต่างกัน เพราะจีนมีความมั่นใจจากพลังทางเศรษฐกิจและการเมืองของตนในขณะที่รัสเซียนั้นกำลังถูกถูกโดดเดี่ยวมากขึ้น และต้องหันไปใช้กลเม็ดในสมัยโลกยุคสงครามเย็นด้วยการข่มขู่กรรโชกและการระรานรังแกประเทศเพื่อนบ้าน
ที่มา: AP