อีกแค่ประมาณสองสัปดาห์เท่านั้นที่ประเทศจีนจะเปิดเกมส์การแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาวที่กรุงปักกิ่ง แต่สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ภายในประเทศ โดยเฉพาะในเมืองเทียนจินซึ่งอยู่ห่างจากสถานที่จัดงานเพียง 100 กิโลเมตรทำให้ทางการจีนต้องคุมเข้มและยกมาตรการควบคุมการระบาด
ถือเป็นครั้งที่สองที่ประชากรราว 14 ล้านคนในเมืองเทียนจินของประเทศจีนได้รับคำสั่งให้ทำการตรวจสอบการติดเชื้อโควิดทั้งหมดอีกครั้ง โดยมาตรการที่เข้มงวดนี้เกิดขึ้น หลังทางการจีนพบผู้ติดเชื้อโควิด 97 รายเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ซึ่งสร้างความกังวลต่อเจ้าหน้าที่ทันที เพราะเมืองข้างต้นนี้มีความสำคัญมากเพราะตั้งอยู่ห่างจากกรุงปักกิ่งซึ่งเป็นสถานที่การจัดโอลิมปิกฤดูหนาวเพียงแค่ 100 กิโลเมตรเท่านั้น หรือประมาณ 30 นาที หากเดินทางด้วยรถไฟฟ้าความเร็วสูง
เจ้าหน้าที่ได้ทำการปิดเขตต่างๆ ของเมืองเทียนจินที่พบผู้ติดเชื้อตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมาเพื่อควบคุมการระบาด รวมทั้งยกระดับมาตรการเข้า-ออกเมือง เนื่องจากการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาวที่กรุงปักกิ่งเป็นเจ้าภาพจะเริ่มขึ้นในวันที่ 4 กุมภาพันธ์แล้ว ทั้งนี้ นักระบาดวิทยาจำนวนมากสันนิษฐานว่า การติดเชื้อในเมืองเทียนจินน่าจะเริ่มระบาดมาได้สักพักแล้ว
เทียนจินถือเป็นเมืองล่าสุดที่ทางการจีนเร่งรับมือคุมเข้มการระบาด และเจ้าหน้าที่ได้สั่งประชาชนให้อยู่ในบ้านตั้งแต่วันพุธที่ผ่านมา นอกจากจะมีกรณีฉุกเฉินเท่านั้นหรือกรณีที่เป็นผู้ที่มีหน้าที่การงานอันมีความจำเป็นในส่วนหน้า เช่น แพทย์หรือ พยาบาล เท่านั้น ถึงจะออกจากที่พักได้ นอกจากนี้ การขนส่งระหว่างเมืองเทียนจินกับจังหวัดอื่นๆ ยังถูกระงับชั่วคราวอีกด้วย
ก่อนหน้านี้ เมืองซีอานที่ตั้งอยู่ในบริเวณตอนกลางของประเทศได้ทำการล็อกดาวน์ ร่วมกับเมืองอื่นๆ เช่น อันหยาง และ หยูโฉว ไปแล้ว
ผู้เชี่ยวชาญหลายคน รวมทั้ง ทวู่ ชิง-เจ้อ อดีตรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขของไต้หวัน บอกกับวีโอเอว่า มาตรการควบคุมโควิดเป็นศูนย์ ที่ทางการจีนใช้รับมือกับโคโรนาไวรัสตั้งแต่เกิดการระบาดนั้นไม่สามารถทำได้ในระยะยาว เป็นเพราะเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนที่สามารถแพร่เชื้อได้รวดเร็วและได้แพร่กระจายไปทั่วประเทศแล้ว
ทวู่ ชิง-เจ้อ กล่าวด้วยว่า “ผู้ติดเชื้อโอมิครอนจำนวนมากไม่แสดงอาการ ซึ่งหมายความว่ายอดผู้ติดเชื้อนั้นจะทยอยพุ่งขึ้นเรื่อยๆ จากนี้ไป” พร้อมระบุว่า “มีโอกาสสูงมากที่เชื้อโอมิครอนจะแพร่เข้าไปในหมู่บ้านนักกีฬา หรือ Olympic Village เพราะการขนส่งอาหารและสิ่งของต่างๆ จากเมืองอื่นๆ ”
อย่างไรก็ดี วีโอเอได้ลงพื้นที่พูดคุยกับประชากรในเมืองเทียนจินในวันที่ 11 มกราคมที่ผ่านมาซึ่งต่างไม่แสดงท่าทีวิตกกับสถานการณ์ โดยอธิบายว่า ตนยังสามารถไปซื้อของใช้สอยประจำวันได้อยู่และอยู่ห่างจากเขตการติดเชื้อจึงไม่รู้สึกกังวล
ทางด้าน หลี่ เวินโบ๋ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยเทียนจิน (Tianjin University) บอกว่า การระบาดระลอกนี้จะไม่มีผลกระทบอย่างหนักต่อเศรษฐกิจของเมืองเทียนจิน เพราะเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการอย่างรวดเร็วในการควบคุมการแพร่เชื้อ ขณะที่ มาตรการโควิดเป็นศูนย์ ก็ช่วยลดจำนวนผู้ติดเชื้อให้ในอยู่ในระดับต่ำพร้อมช่วยพยุงเศรษฐกิจมาแล้วถึงสองปี จีนจึงไม่จำเป็นต้องเลือกระหว่างสุขภาพของประชาชนและเศรษฐกิจเหมือนกับหลายประเทศในยุโรปและสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม อาจารย์ผู้นี้ยอมรับว่า ภาคธุรกิจร้านอาหารและสถานบันเทิงอาจได้รับผลกระทบบ้าง
ขณะเดียวกัน ฮวงชุน เจ้าหน้าที่ของคณะกรรมการจัดการแข่งขันโอลิมปิดฤดูหนาว ได้กล่าวผ่านคำแถลงการณ์เมื่อวันที่ 11 มกราคมว่า “ทางการไม่มีแผนที่จะปรับเปลี่ยนมาตรการรับมือการระบาดโควิดในเวลานี้ ยกเว้นแต่กรณีที่มีการระบาดขนาดใหญ่ในโซนต่างๆ ที่จัดการแข่งขัน”
ทั้งนี้ ทวู่ ชิง-เจ้อ อดีตรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขของไต้หวัน ชี้ว่า แม้การจัดการแข่งขันโอลิมปิดฤดูหนาวจะเป็นแบบระบบปิด (closed loop) แต่การขนส่งอาหารและการเข้าออกของคนในบริเวณการแข่งขัน จะนำมาซึ่งการติดเชื้อในที่สุด ดังนั้น การดำรงการใช้นโยบายโควิดเป็นศูนย์ของทางการจีนจะมีผลลัพธ์แค่เพียงสองแบบเท่านั้น โดยแบบแรกก็คือ การหลอกผู้คนว่าไม่มีการติดเชื้อใด และแบบที่สองคือ การคุมเข้มและยกเลิกการจัดการแข่งขัน