ลิ้งค์เชื่อมต่อ

ตาลิบัน ออกกฎห้ามบังคับผู้หญิงแต่งงานโดยไม่ยินยอม


Afghan women chant during a protest in Kabul, Afghanistan, Oct. 21, 2021.
Afghan women chant during a protest in Kabul, Afghanistan, Oct. 21, 2021.

รัฐบาลตาลิบัน ออกกฎด้านสิทธิสตรีในอัฟกานิสถานเมื่อวันศุกร์ (3 ธันวาคม) ห้ามบังคับผู้หญิงแต่งงานโดยไม่ยินยอม หรือส่งมอบผู้หญิงเพื่อเป็นสิ่งแลกเปลี่ยนกับความสงบสุขหรือเพื่อยุติความขัดแย้ง ซึ่งเป็นก้าวแรกในการปรับเปลี่ยนตัวบทกฎเกณฑ์เพื่อสิทธิสตรีของรัฐบาลตาลิบัน หลังเจอกระแสกดดันจากนานาชาติ

แถลงการณ์ของรัฐบาลตาลิบันว่าด้วยกฎใหม่ดังกล่าว ระบุว่า ความยินยอมของผู้หญิงเป็นสิ่งจำเป็นในการแต่งงาน ไม่มีใครสามารถบังคับหรือกดดันให้ผู้หญิงอัฟกันแต่งงานได้ และว่าผู้หญิงไม่ใช่ทรัพย์สิน แต่คือมนุษย์ผู้สูงค่าและเป็นเสรีชน ไม่มีใครจะสามารถหยิบยื่นผู้หญิงให้กับคนอื่นๆ ในฐานะข้อตกลงสงบศึกหรือความขัดแย้งได้ พร้อมทั้งยังระบุว่า หญิงหม้ายมีสิทธิ์ในทรัพย์สินของสามีผู้ล่วงลับด้วย

โฆษกรัฐบาลตาลิบัน ซาบิฮูเลาะห์ มูจาฮิด กล่าวว่า รัฐบาลตาลิบันออกคำสั่งให้หน่วยงานและภาคส่วนทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นผู้นำทางศาสนา ผู้อาวุโสของชนเผ่าต่างๆทั่วประเทศ ให้บังคับใช้กฎเกณฑ์ดังกล่าว รวมทั้งส่งเสริมการรับรู้ของประชาชนในการป้องกันการกดขี่ผู้หญิงที่ดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่องในอัฟกานิสถาน

คำสั่งล่าสุดของรัฐบาลตาลิบัน ยังได้ขอให้ทางศาลฎีกาของอัฟกานิสถาน ออกคำสั่งให้ศาลทั่วประเทศคำนึงถึงสิทธิสตรีในการพิจารณาคดีต่างๆ โดยเฉพาะกับหญิงหม้าย แต่ภายใต้กฎล่าสุดของรัฐบาลตาลิบันนี้ ไม่ได้กล่าวถึงประเด็นการศึกษาของเด็กหญิงหรือการเปิดโอกาสให้ผู้หญิงออกไปทำงานนอกบ้านแต่อย่างใด

รัฐบาลตาลิบัน เพิ่งเปิดทางให้เด็กชายกลับเข้าเรียนได้ตามปกติเมื่อเดือนกันยายน แต่เด็กหญิงในหลายจังหวัดของอัฟกานิสถาน ยังรอคอยที่จะได้กลับเข้าไปเรียนหนังสืออยู่ จนถูกวิจารณ์อย่างหนักทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งรัฐบาลตาลบันจะยืนยันว่าเด็กหญิงอัฟกันจะกลับเข้าชั้นเรียนได้ในปีการศึกษาใหม่ ที่จะเริ่มขึ้นในเดือนมีนาคมปีหน้า เพราะต้องจัดสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยสำหรับการศึกษาของเด็กหญิง รวมทั้งต้องจัดสรรงบประมาณให้เพียงพอที่จะจ่ายให้กับครูอัฟกันกว่า 200,000 คนในประเทศด้วย

ในช่วงที่ตาลิบันเข้าปกครองอัฟกานิสถาน เมื่อช่วงปี ค.ศ. 1996-2001 ตาลิบันสั่งห้ามผู้หญิงออกนอกบ้าน เว้นแต่จะมีญาติที่เป็นชายติดตามไป และบังคับให้ผู้หญิงสวมผ้าคลุมปกปิดใบหน้ามิดชิด อีกทั้งยังห้ามเด็กหญิงไม่ให้เข้ารับการศึกษาอีกด้วย แต่หลังจากตาลิบันเข้ามาปกครองอัฟกานิสถานอีกครั้งเมื่อกว่า 3 เดือนก่อน รัฐบาลตาลิบันยืนยันกับทั่วโลกว่าจะไม่นำวิถีการปกครองเข้มงวดอย่างเดิมมาใช้อีก

ในมุมมองของ โรยา ราห์มานี อดีตเอกอัครราชทูตอัฟกานิสถานประจำสหรัฐฯ และนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชน กล่าวถึงคำสั่งใหม่ของรัฐบาลตาลิบันในบัญชีทวิตเตอร์ของเธอว่า นี่อาจเป็นความพยายามของรัฐบาลตาลิบันที่จะเปิดทางให้นานาชาติทำงานร่วมกับรัฐบาลตาลิบันได้ และว่านี่คือแถลงการณ์ที่ “ตรงไปตรงมาและกล้าหาญที่สุด” ในการกล่าวถึงความจำเป็นเรื่องความยินยอมพร้อมใจในการแต่งงานของผู้หญิง การสั่งห้ามส่งมอบผู้หญิงเป็นสิ่งแลกเปลี่ยนเพื่อยุติความบาดหมางหรือข้อขัดแย้ง รวมทั้งการกล่าวถึงการได้สมบัติของหญิงหม้าย

อดีตเอกอัครราชทูตอัฟกานิสถานประจำสหรัฐฯ ระบุด้วยว่า สาระสำคัญในคำสั่งดังกล่าวเป็นก้าวใหญ่ของสิทธิสตรีของอัฟกานิสถานหากมีการบังคับใช้ได้จริง ซึ่งภายใต้สภาพแวดล้อมที่ผู้หญิงไม่มีโอกาสเข้าถึงการศึกษา การจ้างงาน หรือสิทธิพลเมือง ผู้มีอำนาจและผู้นำทางศาสนาในท้องถิ่นจะเป็นผู้ตีความและตัดสินใจว่าจะบังคับใช้คำสั่งดังกล่าวหรือไม่

นายทอเร็ค ฟาร์ฮาดิ นักวิเคราะห์และอดีตเจ้าหน้าที่รัฐบาลอัฟกานิสถาน ยังคงคลาแคลงใจเกี่ยวกับคำสั่งใหม่ของรัฐบาลตาลิบัน ว่า รัฐบาลนี้ไม่ได้ปกครองโดยให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วม ไม่มีผู้หญิงและไม่มีคนรุ่นใหม่และผู้เชี่ยวชาญอยู่ในระดับผู้กำหนดตัดสินนโยบาย และผู้ที่ไม่ใช่กลุ่มตาลิบันไม่มีสิทธิ์อยู่ในรัฐบาลชุดนี้ สิทธิสตรีจึงไม่ได้มีการระบุไว้อย่างชัดแจ้ง

ทั้งนี้ สหรัฐฯ และยุโรป ระงับการเข้าถึงสินทรัพย์ของธนาคารกลางอัฟกัน นับตั้งแต่กลุ่มตาลิบันเข้ายึดอำนาจในอัฟกานิสถานเมื่อเดือนสิงหาคม เนื่องจากความกังวลด้านสิทธิมนุษยชนและการก่อการร้ายภายใต้การปกครองของกลุ่มตาลิบัน และข้อแลกเปลี่ยนในการเข้าถึงทรัพย์สินดังกล่าวผูกไว้ด้วยเงื่อนไขที่ให้รัฐบาลตาลิบันแสดงให้เห็นว่าจะปกครองประเทศด้วยระบบการเมืองที่ทุกฝ่ายมีส่วนร่วม และคุ้มครองสิทธิสตรีและชนกลุ่มน้อยในอัฟกานิสถาน

XS
SM
MD
LG