รัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศดำเนินมาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจต่อ สมาชิกครอบครัวรุ่นลูกที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้วของ นายพลอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ของเมียนมา ผู้นำการก่อรัฐประหารยึดอำนาจจากรัฐบาลพลเรือนเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ประกาศใช้มาตรการลงโทษชุดล่าสุดต่อ อ่อง เปียะ โสน และ ขิ่น ธีรี เต็ด ซึ่งเป็นบุตรของนายพลเมียนมา ที่ทางการสหรัฐฯ กล่าวหาว่าเป็น “ผู้นำหลัก ในการโค่นอำนาจของรัฐบาลพม่าที่ได้รับการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย” โดยระบุว่า บุตรและบุตรีทั้ง 2 คนนั้น “ทำธุรกิจหลายประเภทที่ได้ประโยชน์โดยตรงจากตำแหน่งและอิทธิพลอันร้ายกาจของบิดาตน”
ภายใต้มาตรการล่าสุดนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ สั่งสกัดไม่ให้ทั้งสองคนสามารถเข้าถึงทรัพย์สินและผลประโยชน์จากทรัพย์สินต่างๆ “ที่ทั้งคู่เป็นเจ้าของ โดยตรง หรือ โดยอ้อม ในสัดส่วน 50 เปอร์เซ็นต์ หรือมากกว่านั้น ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของโดยตนเองหรือร่วมกับผู้อื่นที่โดนคำสั่งห้ามไปแล้ว ในสหรัฐฯ หรือ อยู่ในครอบครองหรือการควบคุมของประชาชนของสหรัฐฯ”
ที่ผ่านมา สหรัฐฯ ได้เรียกร้องให้รัฐบาลทหารเมียนมา ปล่อยตัวนางอองซานซูจี ผู้นำพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) และประธานาธิบดี วิน มินท์ รวมทั้งผู้ชุมนุมประท้วง ผู้สื่อข่าว และนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนที่ถูกจับกุมตัวไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ด้วย
เมื่อเดือนที่แล้ว รัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศดำเนินมาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจต่อนายทหารระดับสูงของเมียนมาไปหลายรายแล้ว หลังจากที่ได้สั่งการลงโทษแบบเดียวกันต่อ นายพลอาวุโส มิน อ่อง หล่าย และนายพล โซ วิน รวมทั้งเจ้าหน้าที่อีกหลายคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการใช้ความรุนแรงต่อชาวมุสลิมโรฮีนจา ตั้งแต่เมื่อเดือนธันวาคม ปี ค.ศ. 2017