ในช่วงที่รัฐบาลบางประเทศเริ่มผ่อนคลายมาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ในอนาคนอันใกล้นี้ ผู้เชี่ยวชาญออกมาเตือนให้ทุกประเทศตรวจสอบให้มั่นใจก่อนว่า มีความพร้อมทางการแพทย์ที่จะจัดการกับวิกฤตินี้ เพื่อความปลอดภัยของประชาชน
เยอรมนีคือหนึ่งในประเทศที่เริ่มลดระดับความเข้มข้นของมาตรการ Lockdown ที่ดำเนินมานาน 4 สัปดาห์ และยินยอมให้ร้านค้าบางประเภทเปิดทำการได้ในสัปดาห์นี้ในบางเมือง เช่น โคโลญจน์ และ แฟรงค์เฟิร์ต
ส่วนที่รัฐฟลอริดา ของสหรัฐอเมริกา ทางการอนุญาตให้หาดบางแห่งเปิดรับผู้คนไปแล้ว ขณะที่รัฐจอร์เจียเริ่มอนุญาตให้ยิมและร้านทำผมเปิดบริการในช่วงปลายสัปดาห์นี้เช่นกัน
แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขเตือนว่า สหรัฐฯ ไม่ควรเร่งกระบวนการผ่อนคลายเหมือนเยอรมนี หรือแม้แต่เกาหลีใต้ ที่รัฐบาลเตรียมชุดทดสอบการติดเชื้อโควิด-19 ไว้ทั่ว จนสามารถลดภาระของโรงพยาบาลที่ต้องดูแลผู้ป่วย และช่วยทำให้อัตราการเสียชีวิตของประชากรลดลงไปจนถึงระดับที่สามารถผ่อนคลายระดับการ Lockdown ได้
นายแพทย์ เจสัน ฟาร์ลีย์ จากมหาวิทยาลัย จอห์น ฮอพกินส์ กล่าวว่า สหรัฐฯ เองต้องเพิ่มความสามารถในการทดสอบการติดเชื้อให้ทุกคนมีโอกาสทำการตรวจสอบ เพื่อนำไปสู่ข้อมูลที่จะชี้ว่า มีการเพิ่มขึ้นของการติดเชื้อและแพร่ระบาดรอบใหม่หรือไม่ แต่ในขณะนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ มีแต่การทดสอบผู้ที่มีอาการเท่านั้น ทั้งๆ ที่ยังมีความเสี่ยงของผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการแต่สามารถส่งต่อไวรัสให้ผู้อื่นอยู่ทั่วไป
ส่วนนายแพทย์ วิลเลี่ยม แชฟฟ์เนอร์ จากศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัย แวนเดอบิลท์ กล่าวเสริมว่า หากจะมีการผ่อนคลายการ Lockdown จะต้องแน่ใจก่อนว่า มีการลดลงของการติดเชื้อนานติดต่อกัน 14 วัน และโรงพยาบาลทั้งหมดมีความสามารถที่จะดูแลผู้ป่วยได้เต็มที่
โดยสรุป ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า การลดระดับความเข้มข้นของมาตรการต่างๆ เพื่อควบคุมการระบาด เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน และเจ้าหน้าที่รัฐต้องพร้อมที่จะกลับลำสั่งดำเนินมาตรการจำกัดต่างๆ ที่จำเป็นหากอัตราการติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีกครั้ง