พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ ณ กรุงวอชิงตัน เตรียมจัดนิทรรศการแสดงซากฟอสซิลไดโนเสาร์ในปีหน้า ซึ่งไฮไลต์ของงานนี้ ก็คือ ฟอสซิลไดโนเสาร์ชนิดดุร้าย Tyrannosaurus Rex หรือ T-Rex ขนาดใหญ่ที่สุด และสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่เคยมีการค้นพบในสหรัฐฯ
ชิ้นส่วนโครงกระดูกของ Tyrannosaurus Rex หรือ เจ้ายักษ์ทีเร็กซ์ ถูกบรรจุอยู่ในลังขนาดใหญ่หลายใบด้วยกัน ซึ่งคุณ Matthew Carrano ภัณฑารักษ์ผู้ดูแลโครงกระดูกไดโนเสาร์ แห่งพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ กล่าวว่า เป็นส่วนหนึ่งของฟอสซิลทีเร็กซ์ ที่ขุดพบในรัฐมอนแทนา หนึ่งในซากฟอสซิลของไดโนเสาร์ที่ใหญ่ และสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่เคยพบมา
ฟอสซิลเจ้าไดโนเสาร์ตัวนี้ถูกเรียกว่า “ทีเร็กซ์แห่งชาติ” เพราะมันจะกลายเป็นพระเอกในนิทรรศการแสดงการสำรวจสิ่งมีชีวิตบนโลกที่มีอายุนับพันล้านปี
ภัณฑารักษ์ผู้ดูแลโครงกระดูกไดโนเสาร์ บอกด้วยว่า ทีเร็กซ์ที่โตเต็มที่แบบที่จะนำมาแสดงนี้ มีแนวโน้มว่ามีช่วงลำตัวยาวถึง 40-45 ฟุต เวลายืนจะสูงประมาณ 16 ฟุต และหนักถึง 5-10 ตัน นอกจากนี้ยังมีฟันแหลมคมที่ยาวถึง 6 นิ้ว ซึ่งสามารถเจาะทะลุผ่านกระดูกที่แข็งได้
เจ้าทีเร็กซ์แห่งชาติตัวนี้ ไม่เพียงแต่มีกระดูกดั้งเดิมเหลืออยู่จำนวนมาก แต่มันยังช่วยให้นักวิทยาศาสตร์ได้ทราบข้อมูลใหม่ๆ เกี่ยวกับไดโนเสาร์ที่กินเนื้อเป็นอาหารชนิดนี้อีกด้วย เช่น แขนของทีเร็กซ์ ที่เราทราบดีว่ามันมีแขนที่เล็กมากๆ แต่ก็ยังไม่เคยเห็นแขนทั้งหมดของพวกมัน
นอกจากนี้แล้ว บรรดานักการศึกษาเกี่ยวกับซากดึกดำบรรพ์ ได้เรียนรู้เกี่ยวกับไดโนเสาร์มากขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา รวมไปถึงการเรียนรู้ในเรื่องของอายุของไดโนเสาร์ด้วย เช่นตัวที่จะนำมาแสดงนี้ ตายไปในขณะที่ยังเป็นวัยรุ่นอยู่
คุณ Matthew Carrano กล่าวว่า เมื่อไดโนเสาร์อายุได้ 20 ปี พวกมันก็จะโตเต็มที่ หลังจากนั้นก็อาจจะมีลำตัวยาวขึ้น หรือสูงขึ้นเพียงเล็กน้อย แต่ส่วนใหญ่ก็จะตัวใหญ่ขึ้น หรือมีน้ำหนักมากขึ้นนั่นเอง ซึ่งก็ไม่แตกต่างจากการเจริญเติบโตของมนุษย์มากนัก
คุณ Kirk Johnson ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ กล่าวว่า ชิ้นส่วนไดโนเสาร์ที่จะนำมาจัดแสดงครั้งนี้มีถึง 700 ชิ้นด้วยกัน
นอกจากโครงกระดูก และซากฟอสซิลแล้ว นิทรรศการนี้ยังรวบรวมผลงานศิลปะที่งดงาม และการอธิบายข้อมูลที่สามารถโต้ตอบได้ด้วยระบบดิจิทัล เพื่อช่วยให้ผู้เข้าชมทุกวัยสามารถเข้าถึงนิทรรศการเหล่านี้ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
คุณ Johnson หวังว่าผู้เข้าชมนับล้านที่จะมาชมนิทรรศการในเดือนมิถุนายนปีหน้านี้ จะเห็นว่านิทรรศการดังกล่าวทั้งให้ความรู้ และยังน่าตื่นเต้นสำหรับเด็ก
ซึ่งเขาหวังว่าเมื่อเด็กๆ มีความเข้าใจเกี่ยวกับธรรมชาติของไดโนเสาร์ เมื่อโตขึ้นเด็กเหล่านี้ อาจกลายเป็นนักวิทยาศาสตร์ และเป็นกำลังสำคัญในการสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ บนโลกใบนี้ในอนาคต
