พบเอกสารระบุรายได้ของ พลโท ไมเคิล ฟลินน์ อดีตที่ปรึกษาความมั่นคงของประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งยื่นลาออกจากตำแหน่งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ว่าได้รับเงินจากกลุ่มผลประโยชน์ในรัสเซียเมื่อปี พ.ศ.2558 เกือบ 68,000 ดอลลาร์ หรือราว 2.3 ล้านบาท
ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าวมีจำนวนมากกว่าที่เคยเป็นข่าวก่อนหน้านี้
รายได้ส่วนใหญ่ที่ พล.ท.ฟลินน์ ได้รับ มาจากสถานีโทรทัศน์ RT ที่รัฐบาลเครมลินเป็นผู้สนับสนุนด้านการเงิน ราว 45,386 ดอลลาร์ ซึ่งระบุว่าเป็นค่าเดินทางเพื่อช่วยประชาสัมพันธ์สถานีโทรทัศน์ของรัสเซีย ในงานเลี้ยงอาหารค่ำในวาระครบรอบ 10 ของสถานีโทรทัศน์รัสเซีย ที่เขาได้นั่งโต๊ะร่วมกับ นายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีของรัสเซีย อย่างใกล้ชิดอีกด้วย
นอกจากนี้ พล.ท.ฟลินน์ ยังได้รับเงินอีกราว 11,250 ดอลลาร์จากบริษัทรักษาความปลอดภัยด้านอินเทอร์เน็ตของรัสเซีย และจากสายการบิน Volga-Dnepr ของรัสเซีย
รายงานในเอกสารยังระบุด้วยว่า พล.ท.ฟลินน์ ในวัย 58 ปี ยังมีรายรับจากกลุ่มผลประโยชน์ในประเทศตุรกี ราวๆ 530,000 ดอลลาร์เมื่อปีที่ผ่านมา เพื่อให้ทำงานล็อบบี้ให้กับตุรกี ในระหว่างที่เขาทำงานเป็นที่ปรึกษาของนายโดนัลด์ ทรัมป์ มหาเศรษฐีด้านอสังหาริมทรัพย์ ในช่วงการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
นอกจากนี้ หลังจากที่ พล.ท.ฟลินน์ ลาออกจากการเป็นที่ปรึกษาด้านความมั่นคงที่แต่งตั้งโดยนายโดนัลด์ ทรัมป์ แล้ว ยังพบการขอจดทะเบียนเป็นตัวแทนของตุรกี เมื่อช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แต่งตั้ง พล.ท.ไมเคิล ฟลินน์ เป็นที่ปรึกษาด้านความมั่นคงฯ ก่อนที่เขาจะเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ แต่ที่ปรึกษารายนี้กลับดำรงตำแหน่งได้เพียง 24 วัน ก่อนที่จะถูกกดดันให้ลาออก
ซึ่งรัฐบาลทรัมป์ระบุว่าไม่ได้เป็นเพราะความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับรัสเซียหรือตุรกี แต่สาเหตุหลักมาจากเขาทำความผิดต่อรองประธานาธิบดี ไมค์ เพนซ์ โดยไม่บอกความจริงว่า เคยมีการประชุมหารือกับเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหรัฐฯ มาก่อน