นักเศรษฐศาสตร์มองการณ์ในทางดีอย่างระมัดระวังเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยหลังรัฐประหารและความไม่แน่นอนที่มีมาเป็นเวลาหกเดือนก่อนหน้านั้น และแม้จะคาดกันว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวได้ในระยะสั้น แต่ก็ยังมีความไม่นอนในเรื่องการท่องเที่ยวและการลงทุนจากต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม เป็นที่หวังกันว่าจะกลับไปมีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาวกันได้ ถ้ากลับมามีเสถียรภาพทางการเมืองกันอีก
Vikas Kawatra กรรมการผู้จัดการของ institutional sales ของ SCB Securities ในกรุงเทพฯ บอกว่าปฏิกิริยาของนักลงทุนในตลาดหุ้นเมื่อวันศุกร์เป็นการตอบสนองต่อความไม่สงบทางการเมืองของประเทศที่มีมาหลายเดือน และว่า ตลาดหุ้นอาจจะเริ่มต้นอ่อน ลดลงราวๆ 1.1% ซึ่งบอกไม่ได้ว่าเป็นเพราะนักลงทุนต่างชาติชอบหรือไม่ชอบ แต่ปริมาณการซื้อขายหุ้นดีทีเดียว นักลงุทนไทยก็พอใจ
ส่วนนักวิชาการ อาจารย์ Thanavath Phonuchai ของมหาวิทยาลัยหอการค้า ให้ความเห็นว่า คำถามสำคัญในเวลานี้ คือทำอย่างไรเศรษฐกิจของประเทศจึงจะก้าวหน้าในทางที่ยั่งยืน นักวิชาการผู้นี้ให้ความเห็นว่า รัฐประหารควรจะช่วยให้สถานการณ์ทางการเมืองของไทยในอนาคตมีเสถียรภาพมากขึ้นในระยะยาว แต่เป็นเรื่องยากสำหรับประชาชนและสังคมไทยที่จะหาทางออกให้กับปัญหาทางการเมือง เพราะฉะนั้น ถ้ามีสถานการณ์ทางการเมืองที่มั่นคง ก็จะสนับสนุนการเจริญเติบโตในระยะยาวได้
ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์กล่าวว่า นักลงทุนต่างชาติกำลังมองหาแหล่งลงทุนอื่นๆในภูมิภาค รวมทั้งฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย ซึ่งมีเสถียรภาพทางการเมืองมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีมานี้
คุณ Greg Wallis เจ้าหน้าที่การค้าอาวุโสของออสเตรเลียในประเทศไทย กล่าวว่า นักธุรกิจชาวต่างชาติที่อยากจะเดินทางมาท่องเที่ยวและลงทุนในประเทศไทย อาจประเมินแผนดังกล่าวเมื่อคำนึงถึงความไม่แน่นอน
เจ้าหน้าที่การค้าของออสเตรเลียประจำประเทศไทยผู้นี้ บอกว่าในระยะสั้น คนเหล่านี้ก็จะต้องตัดสินใจว่าจะเดินทางมายังประเทศไทย เพื่อมาเที่ยวหรือทำธุรกิจหรือไม่ ส่วนบริษัทธุรกิจจะประเมินแผนระยะยาวของตนในประเทศไทย จะเป็นเชิงบวกหรือลบอย่างไรนั้น ก็ขึ้นอยู่กับว่าจะเกิดอะไรขึ้น
อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทยก็กำลังถูกจับตามอง ในขณะที่ประเทศต่างๆราวๆ 40 ประเทศมีคำเตือนประชาชนของตนในการเดินทางมายังประเทศไทยในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เมื่อวันศุกร์ สภาอุตสาหกรรมของฮ่องกงจัดระดับการเตือนไว้ในระดับสูง ทำให้มีการงดการเดินทางกลุ่มทัวร์ทั้งหมดมายังประเทศไทย
คุณ Laurent Kuenzle CEO ของ Asian Trails travel group บอกว่า สามารถจัดคนเข้าออกตามท่าอากาศยานทุกแห่งในประเทศไทยได้ จะว่าไปแล้วทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามปกติ แต่ยังไม่มีความเห็นในขณะนี้ว่าผลกระทบจากการบอกเลิกจะเป็นอย่างไรต่อไปในอนาคต
ส่วนคุณสง่า เรืองวัฒนกุลของสมาคมผู้ประกอบธุรกิจถนนข้าวสาร ให้ข้อมูลว่า ดูภาพใหญ่แล้วมีการแจ้งงดจำนวนมากในปีนี้ ส่วนที่จองล่วงหน้าออนไลน์ไว้ก็บอกเลิกหมด
Blog เมื่อวันศุกร์ของนสพ. Wall Street Journal ให้ตัวเลขไว้ว่า ในไตรมาสแรกของปีนี้จำนวนนักท่องเที่ยวเข้าประเทศไทยลดลงประมาณ 5% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวในปีนี้จะลดลงไปอยู่ที่ 26.3 ล้านคน
ธุรกิจการท่องเที่ยวของประเทศไทยมีมูลค่า $73.8 พันล้านดอลล่าร์ หรือราวๆ หนึ่งในห้าของมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ และสร้างงานให้ 2.5 ล้านตำแหน่ง