นักวิจัยชาวออสเตรเลียได้พัฒนาเทคนิคการปฐมพยาบาลแบบใหม่ที่สามารถช่วยผู้ที่ตกเป็นเหยื่อการโจมตีของฉลาม จากการสูญเสียเลือดอย่างรุนแรงในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายหลังจากที่ถูกโจมตี
วิธีการดังกล่าวนี้ คือการให้เจ้าหน้าที่กู้ชีพหรือผู้ที่เห็นเหตุการณ์วางกำปั้นลงบนหลอดเลือดแดงบริเวณต้นขา ที่อยู่ระหว่างสะโพกกับขาหนีบของขาข้างที่ได้รับบาดเจ็บ และใช้น้ำหนักตัวทั้งหมดกดลงไปเพื่อหยุดการไหลเวียนของเลือดไปยังบาดแผลที่ขา
วิธีนี้เป็นแนวทางปฏิบัติที่ใช้กันทั่วไปในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลบางแห่งเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บที่ขาอย่างรุนแรง
เทคนิคนี้ได้รับการพัฒนาโดย Dr. Nicholas Taylor รองคณบดีที่มหาวิทยาลัย Australian National University Medical School ซึ่งเป็นนักเล่นกระดานโต้คลื่นตัวยง และถูกตีพิมพ์อยู่ในวารสาร Journal of Emergency Medicine Australasia เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
รองคณบดี Taylor กล่าวว่า การวิจัยดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าการกดทับหลอดเลือดแดงที่บริเวณต้นขามีประสิทธิภาพมากกว่าการใช้แรงกดบนบาดแผลที่ขาหรือการใช้สายรัดห้ามเลือดแบบชั่วคราว โดยผู้ให้การช่วยเหลือไม่จำเป็นต้องอยู่ใกล้บาดแผลเ และยังน่ากลัวน้อยกว่าการกดลงตรงแขนขาที่มีเลือดออกอีกด้วย
ปัญหาจากการถูกฉลามกัดไม่เพียงแต่ทำให้เกิดบาดแผลเท่านั้น แต่ยังสร้างความเสียหายและบอบช้ำมากมาย กล่าวคือกระดูกมักจะแตกหัก และกล้ามเนื้อถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ ดังนั้นการพยายามใช้น้ำหนักตัวกดลงตรงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายเพื่อหยุดเลือดจึงแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย แต่การกดลงที่ขาหนีบที่ไม่ได้มีเลือดจะเป็นวิธีที่ง่ายกว่า
รองคณบดีผู้นี้กล่าวด้วยว่านักเล่นกระดานโต้คลื่นมีความเสี่ยงสูงที่จะถูกฉลามโจมตี และบาดแผลที่ขาเป็นอาการบาดเจ็บที่พบบ่อยที่สุด เขาต้องการให้มีการพิมพ์เทคนิคนี้ลงบนโปสเตอร์ปฐมพยาบาลตามชายหาดทั่วโลก
ข้อมูลของ International Shark Attack File ระบุว่า การโจมตีของฉลามส่วนใหญ่เกิดขึ้นในสหรัฐฯ ตามด้วยออสเตรเลีย แอฟริกาใต้ และยุโรป ขณะที่งานวิจัยของออสเตรเลียยืนยันว่า การโจมตีของฉลามมีความถี่เพิ่มขึ้นทั่วโลก
ปีค.ศ. 2020 นับว่าเป็นปีที่มีผู้เสียชีวิตจากการโจมตีของฉลามมากที่สุดนับตั้งแต่ปี ค.ศ. 2013 โดยข้อมูลระบุว่ามีผู้เสียชีวิตจากการถูกฉลามโจมตี 10 รายเมื่อปีที่แล้ว ในจำนวนนี้ 6 คนอยู่ในน่านน้ำออสเตรเลีย
