นายหลิว เซี่ยวโป๋ นักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนชาวจีน และเจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง ด้วยวัย 61 ปี
เขาสิ้นใจที่โรงพยาบาลในเมืองเช็นหยาง ที่ซึ่งเขาได้รับการเคลื่อนย้ายจากห้องขังมารักษาตัว
ในช่วงก่อนการเสียชีวิตไม่กี่วัน นานาชาติเรียกร้องให้ทางการจีนอนุญาตให้นายหลิว เดินทางออกจากประเทศจีน เพื่อมารับการดูแลทางการแพทย์ในเยอรมนีหรือสหรัฐฯ แต่รัฐบาลปักกิ่งปฏิเสธ
นักเคลื่อนไหวผู้นี้เป็นผู้วิจารณ์รัฐบาลคอมมิวนิตส์มานาน สมัยที่เขาเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยและนักเขียน นายหลิวเป็นที่รู้จักจากการแสดงทัศนะที่แตกต่างจากวัฒนธรรมและประเพณีดั้งเดิมของจีน
อย่างไรก็ตาม อาชีพนักวิชาการของเขาต้องหักเห เมื่อเขาร่วมการประท้วงกับนักศึกษาในการเดินขบวนครั้งใหญ่ที่จตุรัสเทียนอันเหมินในปี ค.ศ. 1989
หลังจากกลุ่มนักศึกษาถูกปราบปรามอย่างรุนแรงในเหตุการณ์ที่รู้จักในชื่อ "Tiananmen Massacre" หรือการสังหารหมู่ที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน นายหลิวถูกจับและต้องรับโทษจำคุก
เมื่อเขาถูกปล่อยตัวในปี ค.ศ. 1991 เขายังคงเรียกร้องการปฏิรูปทางการเมืองต่อเนื่อง
นายหลิวกล่าวผ่านสื่อ Radio-TV Hong Kong ว่าถ้าเกิดพัฒนาการในสังคมจีนและการเมืองในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา นั่นเป็นเพราะการเรียกร้องโดยประชาชน เขาพูดว่าในที่สุดแล้ว การเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นเมื่อมีปัญหาในสังคมที่สร้างความกังวลต่อคนจำนวนมากพอ
ในปี ค.ศ. 2008 นายหลิว เซี่ยวโป๋ และนักเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาล เสนองานเขียนที่เรียกว่า Charter 08 หรือ ธรรมนูญฉบับที่ 8 ที่เรียกร้องให้จีนยุติการปกครองแบบพรรคเดียว และควรก่อตั้งระบอบประชาธิปไตย
หลิว เซี่ยวโป๋ กล่าวว่า สำหรับผู้ที่ร่วมต่อต้านระบอบเผด็จการ งานหน้าที่หนึ่งของพวกเราก็คือการเผชิญหน้ากับตำรวจและยอมติดคุก เขาถูกนำตัวเข้าห้องขังอีกครั้งในปี ค.ศ. 2009 กับโทษจำคุก 11 ปีเนื่องจากการเผยแพร่งานเขียนธรรมนูญฉบับที่ 8
หนึ่งปีหลังจากนั้น ขณะที่เป็นนักโทษ ชะตาของหลิว เซี่ยวโป๋ พลิกผันอีกครั้ง
คณะกรรมการรางวัลโนเบลมอบรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพให้แก่นักเรียกร้องสิทธิมนุษยชนผู้นี้ สำหรับการต่อสู้อย่างสันติเพื่อสิทธิพื้นฐานของประชาชนชาวจีน
นายหลิว กล่าวในฐานะเจ้าของรางวัลโนเบลว่า เจ้าหน้าที่รัฐมีอำนาจอยู่ในมือ พวกเขาจับคนเข้าคุกได้ แม้พวกเราไม่มีอำนาจเช่นเดียวกับรัฐ แต่เรายังคงสามารถบอกว่าเราไม่สนับสนุนสิ่งใดและต่อต้านสิ่งใดได้
เมื่อเขาเสียชีวิต นายหลิวยังคงไม่สิ้นสุดการรับโทษจำคุก โดยยังมีระยะเวลาตามคำสั่งศาลเหลืออีกสามปี
(รายงานโดย Natalie Liu และ ห้องข่าววีโอเอ / รัตพล อ่อนสนิท เรียบเรียง )